"ขันทีกับขุนพล"
ใครที่เคยดูภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับราชสำนักจีนจะเห็นความแตกต่างระหว่างขันทีกับขุนพล บุคคลสองประเภทจะมีอิทธิพลต่อความเจริญรุ่งเรืองหรือความล่มสลายของราชอาณาจักร ที่น่าสังเกตคือขันทีจะเป็นต้นเหตุทำให้ราชอาณาจักรล่มสลายตลอดมา
ขันทีจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองมีอำนาจและเป็นบุคคลที่น่ากลัวที่สุด เพราะขนาดอาวุธประจำกายที่พ่อแม่ให้ติดตัวมาคนพวกนี้ยังยอมให้ตัดทิ้งเพื่อการเข้าสู่อำนาจ แต่ขันทีไม่มีความสามารถเหมือนขุนพลจึงใช้วิธีประจบสอพลอเป็นเครื่องมือในการไต่เต้า จากนั้นจะใช้วิธีใส่ร้ายป้ายสีเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม อาวุธที่ขันทีใช้ได้ผลตลอดมาคือการอวดอ้างถึงความจงรักภักดี ส่วนฝ่ายตรงข้ามจะเป็นพวกไม่จงรักภักดีหรือจะเป็นกบฏเพื่อยืมมือฮ่องเต้กำจัดขุนพลที่เป็นอุปสรรคต่อการมีอำนาจของตน พฤติกรรมอีกอย่างของขันทีคือชอบสร้างความขัดแย้งและมักอ้างรับสั่งของฮ่องเต้เพื่อประโยชน์ของตนเอง ผู้ที่รับฟังก็ไม่กล้าโต้เถียงเพราะไม่แน่ใจว่าเป็นรับสั่งจริงหรือไม่ ทั้งยังอาจถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกไม่จงรักภักดีหรืออาจจะโดนใส่ร้ายว่าเป็นกบฏ เนื่องจากขันทีเป็นผู้ไม่มีความสามารถ ดังนั้น การสร้างอำนาจจึงต้องอ้างเบื้องสูง หรือจะมีอำนาจก็ต้องสร้างความขัดแย้งและทำลายผู้ที่มีความสามารถมากกว่า ที่น่าเศร้าคือขุนพลซึ่งเป็นผู้มีความสามารถแต่มักก้มหน้าก้มตาทำงาน ทั้งหน้าไม่หนาพอที่จะพล่ามถึงความจงรักภักดีได้ทุกวัน สุดท้ายต้องจบชีวิตหรือถูกเนรเทศเพราะการใส่ร้ายป้ายสีของขันทีมาแล้วเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันไม่มีขันทีแล้ว แต่คำกล่าวที่ว่ากงล้อประวัติศาสตร์มักหมุนมาซ้ำรอยเดิมอยู่เสมอ พฤติกรรมเลียนแบบขันทีจึงย้อนกลับมาให้เห็นอีก ส่วนใครจะมีพฤติกรรมเป็นขันทีหรือขุนพลนั้นสาธุชนผู้มีปัญญาคงพอมองออก สำหรับผมเห็นมานานแล้วเพียงนำมาเตือนสติพี่น้องประชาชนก่อนที่บ้านเมืองจะพังเพราะขันทีครองเมือง
วัฒนา เมืองสุข
พรรคเพื่อไทย
25 ธันวาคม 2559
ที่มา FB
Watana Muangsook