คำสอนขงจื้อ ฆ่าสุกรสอนบุตร
=====================
เจิงจื๊อเป็นนามของปรัชญาเมธีลัทธิขงจื้อผู้หนึ่ง ซึ่งมีชีวิตอยู่ช่วงปลายยุคชุนชิว เขาถูกจัดเป็น 1 ใน 5 มหาปราชญ์ของลัทธิขงจื๊อ ร่วมกับ ขงจื๊อ เมิ่งจื๊อ เอี๋ยนจื๊อ (เอี๋ยนหุย) และ จื่อซือจื่อ
เช้าวันหนึ่ง ภรรยาของเจิงจื๊อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวออกไปซื้อของในตลาด ทว่าบุตรชายร้องไห้ขอตามไปด้วย ทำอย่างไรก็ไม่ยอมฟัง เด็กน้อยยังเล็กนัก อีกทั้งตลาดก็อยู่ห่างไกลจากบ้านพอสมควร ดังนั้นการพาบุตรชายไปด้วยเป็นเรื่องที่ยุ่งยากลำบากเกินไป ภรรยาของเจิงจื๊อจึงได้กล่าวกับบุตรชายว่า "เจ้าจงกลับเข้าไปรอในบ้าน หากแม่ไปตลาดซื้อของกลับมาถึงบ้านแล้ว แม่จะฆ่าหมูสักตัวทำขาหมูตุ๋นที่เจ้าชอบให้กิน" คำกล่าวนี้กลับได้ผลชะงัด เมื่อบุตรชายได้ยินว่ามารดาจะทำอาหารโปรดให้กินก็เชื่อฟัง และกลับเข้าไปรอในบ้านอย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อภรรยาของเจิงจื๊อเสร็จธุระเดินทางกลับมาถึงบ้าน ยังไม่ทันเข้าบ้านก็ได้ยินเสียงสุกรที่เลี้ยงไว้ร้องเสียงดัง เมื่อเดินเข้าไปดูจึงพบว่าเป็นเจิงจื๊อที่กำลังเตรียมเชือดสุกรเพื่อทำอาหารให้กับบุตรชาย นางจึงรีบขัดขวางผู้เป็นสามีพลางกล่าวว่า "บ้านเราเลี้ยงสุกรไม่มาก ล้วนเอาไว้เชือดเป็นอาหารในเทศกาลสำคัญต่างๆ ใยท่านต้องเอาคำกล่าวที่ข้าเพียงล่อหลอกบุตรชายให้เชื่อฟัง มาเป็นจริงจังด้วย"
เจิงจื๊อกล่าวว่า "ต่อหน้าเด็กนั้น เจ้าไม่อาจกล่าวคำเท็จ เพราะเด็กยังไร้เดียงสาและมักจะเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากบิดา-มารดา หากตอนนี้เรากล่าวสิ่งใดหลอกลวงเขา ก็ไม่ต่างจากการสอนเขาว่าต่อไปให้ไปหลอกลวงผู้อื่น แม้ว่าการที่เจ้าหลอกเขานั้นจะได้ผลในตอนนี้ แต่ต่อไปเมื่อเขาทราบว่าถูกหลอก ก็จะไม่ยอมเชื่อฟังคำพูดของมารดาอีก ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นต่อไป เจ้าก็จะไม่สามารถอบรมบุตรชายของตนได้อีกแล้ว"
เมื่อภรรยาของเจิงจื๊อได้ฟังก็เห็นด้วยกับคำกล่าวนี้ จึงช่วยสามีเชือดสุกรมาทำเป็นอาหารดังที่ได้สัญญากับบุตรชายไว้
สำนวน "ซาจื้อเจี้ยวจื่อ" หรือ "ฆ่าสุกรสอนบุตร" ใช้เพื่อเปรียบเปรยสอนคนเป็นพ่อ-แม่ว่า การเลี้ยงดูบุตรนั้นต้องพูดจริงทำจริง สัญญาต้องเป็นสัญญา อย่าคิดว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงเด็กเล็กๆ แล้วจะพูดอะไรก็ได้ เพราะจะส่งผลถึงอุปนิสัยของเด็กต่อไปในอนาคตของเขา
ที่จริงแล้วคำสอนเหล่านี้มีมานานนับพันปี แต่หลังจากการเรียนรู้เรื่องจิตใต้สำนึก กับการปลูกฝังความคิดลงไปในจิตใต้สำนึก สามารถอธิบายโดยหลักจิตวิทยาที่นัก จิตวิทยาค้นพบในภายหลัง โดยเฉพาะเด็กเล็กๆ ที่มีอายุช่วง 3-5 ปี จะยิ่งถูกฝังอะไรเข้าไปง่ายๆ ในจิตใต้สำนึกของเขา ผมจึงได้นำคำสอนนี้มาแบ่งปัน ให้เพื่อนๆ ได้นำไปใช้ประโยชน์ต่อไป
ติดตามเรื่องราวดีๆ เพิ่มเติมได้ที่เพจ https://www.facebook.com/InspirationOfLifes