ที่มา เวปที่นี่และที่นั่น
August 21, 2015
เหตุระเบิดแยกราชประสงค์ ในช่วงคำวันที่ 17 สิงหาคม 2558 “แรงระเบิด” ส่งผลให้เกิดผู้บาดเจ็บล้มตาย สร้างความเสียหายทั้ง ชีวิต ทรัพย์สิน และจิตใจ ต่อคนไทยและชาวโลก
แต่กระนั้นดูเหมือนว่าสิ่งที่ “แรงระเบิด” ยังไม่ “แรง” เท่า “ปัญญา” ที่ติดตามมาภายหลังเกิดเหตุระเบิด
โดยเฉพาะความ “เคลือบแคลง” ต่อ “การจัดการ” เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของ “รัฐบาล คสช.” ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จนกระทั่งขณะนี้ได้กลายเป็น “ปัญหาคาใจ” ของคนไทยและผู้คนในโลกที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้
โดยแบ่งเป็นข้อๆ ได้ดังนี้
1.กรณีการทำความสะอาดบริเวณโดยรอบสถานที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว หลังจากเกิดเหตุเพียง 16 ชั่วโมง กทม.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ เข้าทำความสะอาดพื้นที่โดยรอบ ในช่วงเวลาประมาณ 11.00 น.ของวันที่ 18 สิงหาคม 2558 โดยทันที ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจากหลายประเทศทั่วโลก ต่างกังขาว่า “ทางการไทย” ตั้งใจ “ที่จะเก็บข้อมูล-หลักฐาน” ในที่เกิดเหตุ จริงหรือไม่
เนื่องจาก “ระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง” ในการ “ปิดพื้นที่เก็บหลักฐาน-รายละเอียด” ต่างๆ นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ
โดยเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2558 ฺฺฺBBC ไทย รายงานว่า โจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวบีบีซีส่งรายงานมาจากกรุงเทพฯ ว่าขณะนี้ประชาชนกลับไปสักการะศาลพระพรหมเอราวัณตามปกติแล้วหลังจากทางการทำความสะอาดพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่า “เร็วเกินไป”
ผู้สื่อข่าวบีบีซี ยังระบุว่าสามวันหลังจากเกิดเหตุ มีผู้พบหลักฐานชิ้นที่เขาถืออยู่ในมือ คือชิ้นส่วนระเบิดและบอล แบริ่ง ในจุดที่ห่างไปจากที่เกิดเหตุประมาณ 50 ม. และนำมาส่งมอบให้ อีกด้วย
ซึ่งกรณีนี้ “คนทั้งโลก” ต่างตั้งคำถาม ตรงไปตรงมากับ “รัฐบาล คสช.” ทั้งสิ้น ?
2.คสช.พยายามจะย้ำว่า เหตุการณ์ระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์นั้นมีต้นเหตุมาจากปัญหา “การเมืองภายใน” และพยายามจะย้ำกับคนใน ในลักษณะของการ “กรอกหู” ให้ “เชื่อ” ว่าไม่ใช่การ “ก่อเหตุของกลุ่มเคลื่อนไหวข้ามชาติ” หรือเป็นการ “ก่อการร้าย” แต่ปรากฏว่ามีข้อมูลปรากฏออกมาว่า สื่อมวลชนออสเตรเลีย “สกายนิวส์ออสเตรเลีย” รายงานอ้างคำสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับอาวุโสของไทยเผยเมื่อวันพฤหัสบดี 20 สิงหาคม 2558 ระบุว่า “ทางการไทยจะร้องขอตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) ช่วยตามล่ามือระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ใจกลางกรุงเทพฯ หลังชาวต่างชาติรายหนึ่งถูกระบุตัวว่าเป็นผู้ต้องสงสัย”
3.เมื่อวันที่ 3 กรกฏาคม 2558 ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 เดือน “เว็บไซด์มติชนออนไลน์” ได้รายงานโดยอ้าง “เดลี่ เทเลกราฟ”และ”เมโทร ยูเค” ระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษได้จัดทำแผนที่เตือนภัยเสี่ยงก่อการร้ายของประเทศต่าง ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวอังกฤษที่ต้องการเที่ยวต่างแดนในช่วงฤดูร้อนปีนี้ โดยจำนวนนี้ปรากฏว่า เมืองไทยถูกระบุว่า เป็นประเทศที่เสี่ยงต่อเหตุก่อการร้าย “ระดับสูงสุด” นอกจากนี้ หลังจากเกิดเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์แล้ว“เว็บไซด์กรุงเทพธุรกิจ” สื่อในเครือเนชั่น อ้าง “รายงานข่าว” ระบุว่า “รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุประมาณ 2 อาทิตย์ ทางสถานเอกอัครราชฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้ประสานมายัง บช.น. เพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่ไปดูแลรักษาความปลอดภัย”
ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ ยังไม่ได้รับการชี้แจงอย่างชัดเจนให้เกิดความกระจ่างชัดจาก “รัฐบาล คสช.”
และ 4.เหตุการณ์ระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ที่เกิดขึ้น “รัฐบาล คสช.” และ “หน่วยงานด้านความมั่นคงภายใต้การกำกับของ คสช.ได้ “พูดความจริง” หรือไม่ ?
เพราะเนื้อหาคำพูดและการแสดงออกจากแกนนำในรัฐบาล “ขัด” กับ “ข้อเท็จจริง” ที่ประชาชนสัมผัสอย่างเห็นได้ชัดเจนเกิน!
โดยเฉพาะกรณีที่ “พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด” ซึ่งขณะนี้ได้ขึ้นมารับตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีหรือโฆษกรัฐบาล ซึ่งได้สรุปเหตุการณ์ผ่านสื่อสารมวลชนไทย ทั้งๆที่เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเพียง 3 ชั่วโมง และขณะนั้นกระบวนการตรวจพิสูจน์หลักฐานยังไม่ทันจะได้เริ่มขึ้นอย่างสมบูรณ์ ด้วยการโยนความผิดให้ “กลุ่มคนที่เสียประโยชน์ทางการเมือง” อย่างง่ายๆ โดยไม่รอให้กระบวนการต่างๆเป็นตัวพิสูจน์ “ปฏิเสธไม่ได้” ว่ากระทบกับ “ความน่าเชื่อถือ” ของรัฐบาล คสช.โดยตรง
ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่เพียง เป็น “คำถาม” ประชาชนคนไทย เท่านั้น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้คนในหลายประเทศ ก็ “คาใจ” เช่นเดียวกัน ?
ข้อมูลเพิ่มเติม :http://www.manager.co.th/around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000094804
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1435900481
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/661482
เนื่องจาก “ระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง” ในการ “ปิดพื้นที่เก็บหลักฐาน-รายละเอียด” ต่างๆ นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ
โดยเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2558 ฺฺฺBBC ไทย รายงานว่า โจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวบีบีซีส่งรายงานมาจากกรุงเทพฯ ว่าขณะนี้ประชาชนกลับไปสักการะศาลพระพรหมเอราวัณตามปกติแล้วหลังจากทางการทำความสะอาดพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่า “เร็วเกินไป”
ผู้สื่อข่าวบีบีซี ยังระบุว่าสามวันหลังจากเกิดเหตุ มีผู้พบหลักฐานชิ้นที่เขาถืออยู่ในมือ คือชิ้นส่วนระเบิดและบอล แบริ่ง ในจุดที่ห่างไปจากที่เกิดเหตุประมาณ 50 ม. และนำมาส่งมอบให้ อีกด้วย
ซึ่งกรณีนี้ “คนทั้งโลก” ต่างตั้งคำถาม ตรงไปตรงมากับ “รัฐบาล คสช.” ทั้งสิ้น ?
2.คสช.พยายามจะย้ำว่า เหตุการณ์ระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์นั้นมีต้นเหตุมาจากปัญหา “การเมืองภายใน” และพยายามจะย้ำกับคนใน ในลักษณะของการ “กรอกหู” ให้ “เชื่อ” ว่าไม่ใช่การ “ก่อเหตุของกลุ่มเคลื่อนไหวข้ามชาติ” หรือเป็นการ “ก่อการร้าย” แต่ปรากฏว่ามีข้อมูลปรากฏออกมาว่า สื่อมวลชนออสเตรเลีย “สกายนิวส์ออสเตรเลีย” รายงานอ้างคำสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับอาวุโสของไทยเผยเมื่อวันพฤหัสบดี 20 สิงหาคม 2558 ระบุว่า “ทางการไทยจะร้องขอตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) ช่วยตามล่ามือระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ใจกลางกรุงเทพฯ หลังชาวต่างชาติรายหนึ่งถูกระบุตัวว่าเป็นผู้ต้องสงสัย”
3.เมื่อวันที่ 3 กรกฏาคม 2558 ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 เดือน “เว็บไซด์มติชนออนไลน์” ได้รายงานโดยอ้าง “เดลี่ เทเลกราฟ”และ”เมโทร ยูเค” ระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษได้จัดทำแผนที่เตือนภัยเสี่ยงก่อการร้ายของประเทศต่าง ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวอังกฤษที่ต้องการเที่ยวต่างแดนในช่วงฤดูร้อนปีนี้ โดยจำนวนนี้ปรากฏว่า เมืองไทยถูกระบุว่า เป็นประเทศที่เสี่ยงต่อเหตุก่อการร้าย “ระดับสูงสุด” นอกจากนี้ หลังจากเกิดเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์แล้ว“เว็บไซด์กรุงเทพธุรกิจ” สื่อในเครือเนชั่น อ้าง “รายงานข่าว” ระบุว่า “รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุประมาณ 2 อาทิตย์ ทางสถานเอกอัครราชฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้ประสานมายัง บช.น. เพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่ไปดูแลรักษาความปลอดภัย”
ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ ยังไม่ได้รับการชี้แจงอย่างชัดเจนให้เกิดความกระจ่างชัดจาก “รัฐบาล คสช.”
และ 4.เหตุการณ์ระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ที่เกิดขึ้น “รัฐบาล คสช.” และ “หน่วยงานด้านความมั่นคงภายใต้การกำกับของ คสช.ได้ “พูดความจริง” หรือไม่ ?
เพราะเนื้อหาคำพูดและการแสดงออกจากแกนนำในรัฐบาล “ขัด” กับ “ข้อเท็จจริง” ที่ประชาชนสัมผัสอย่างเห็นได้ชัดเจนเกิน!
โดยเฉพาะกรณีที่ “พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด” ซึ่งขณะนี้ได้ขึ้นมารับตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีหรือโฆษกรัฐบาล ซึ่งได้สรุปเหตุการณ์ผ่านสื่อสารมวลชนไทย ทั้งๆที่เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเพียง 3 ชั่วโมง และขณะนั้นกระบวนการตรวจพิสูจน์หลักฐานยังไม่ทันจะได้เริ่มขึ้นอย่างสมบูรณ์ ด้วยการโยนความผิดให้ “กลุ่มคนที่เสียประโยชน์ทางการเมือง” อย่างง่ายๆ โดยไม่รอให้กระบวนการต่างๆเป็นตัวพิสูจน์ “ปฏิเสธไม่ได้” ว่ากระทบกับ “ความน่าเชื่อถือ” ของรัฐบาล คสช.โดยตรง
ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่เพียง เป็น “คำถาม” ประชาชนคนไทย เท่านั้น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้คนในหลายประเทศ ก็ “คาใจ” เช่นเดียวกัน ?
ข้อมูลเพิ่มเติม :http://www.manager.co.th/around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000094804
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1435900481
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/661482
