วันอาทิตย์, สิงหาคม 30, 2558

บทพิสูจน์อำนาจ-บารมี "ป๋าป้อม" โกยทะลุเป้า "น้องตู่" ใต้ร่มเงาพี่ใหญ่




โดย ทีมข่าวการเมือง
29 สิงหาคม 2558

ป้อมพระสุเมรุ

ช่วงฤดูโยกย้ายแต่งตั้ง มักจะใช้วัดบารมี-คอนเนคชั่น ของคนในรัฐบาลได้ดีว่าใครกันแน่ที่คอยกุมบังเหียนรัฐบาล เพราะทั้งฉาก-หลังฉากจะปรากฏความเคลื่อนไหวของคนที่มีอำนาจ “ตัวจริง” ออกมาเสมอ

แม้แต่รัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ที่ใครๆก็คิดว่าอำนจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้จะอยู่ในมือของ “บิ๊กตู่” เพียงคนเดียว ฟันธงได้เลยว่า “คิดผิดถนัด”

เพราะคนที่มีอำนาจ-บารมี-คอนเนคชั่น เหนือ “บิ๊กตู่” ยังคงเป็น “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่สามารถขัดใจ “บิ๊กตู่” ชงชื่อคนใกล้ชิดขึ้นยึดหัวหาดตำแหน่งสำคัญได้หมด

อาจจะเพราะหากตัดตำแหน่งนายกรัฐมนตรี-หัวหน้า คสช. 2 หัวโขนที่ “บิ๊กตู่” สวมอยู่ ดูเหมือนจะไม่ใหญ่เท่าขัวโขน “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” ที่ไม่มีใครมาแย่ง “บิ๊กป้อม” ไปได้

เมื่อ “พี่ใหญ่ป้อม” สั่ง “น้องตู่” ก็ไม่ขัดข้องที่จะทำตาม อาจจะหมองใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่กล้าขัดขืนแข็งข้อใส่ ยิ่งพักหลังมี “สัญญาณพิเศษ” ส่งตรงถึง พล.อ.ประวิตรอยู่บ่อยๆ ยิ่งต้องทำให้คนเป็นน้องต้องสงบเสงี่ยมอยู่ในที่ตั้งเหมือนกัน

“บิ๊กป้อม” ทำผลงานทะลุเป้าอีกครั้งหนึ่ง หลังส่งน้องรัก-คนรู้ใจ-คนอกหัก ขึ้นคุมหน่วยงานความมั่นคงหลักของประเทศไทยทั้งหมด ไม่มีหลุด-ไม่มีตกแม้แต่ตำแหน่งเดียว

เริ่มกันที่ “น้องรัก” อย่าง “บิ๊กหมู” พล.อ.ธีระชัย นาควานิช ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก หากไม่มีอะไรพลิกโผคงได้นั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ. ตามใจหมายปอง ท่ทมกลางข่าวลือหนาหูว่า “บิ๊กหมู” ถึงกับหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายต่อหน้า “บิ๊กป้อม” หลังมีข่าวออกมาว่าตัวเต็งที่จะนั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ. เป็นชื่อของ “บิ๊กติ๊ก” พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วยผบ.ทบ. น้องรักสุดเลิฟของ พล.อ.ประยุทธ์

ด้วยความที่ “บิ๊กหมู” เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขแท้ของบูรพาพยัคฆ์ เริ่มต้นรับราชการประจำการอยู่ในค่ายจักรพงษ์ พล.ร.2 รอ.ปราจีนบุรี คุมกำลังในหน่วยรบมาอย่างโชกโชน เคยเป็น ผบ.พัน และ ผบ.กรม ใน พล.ร.2 รอ. ก่อนขยับเข้าสู่กองทัพภาคที่ 1 เป็นแม่ทัพน้อยภาคที่ 1 รองเสนาธิการทหารบก และแม่ทัพภาคที่ 1 ตามลำดับ

เรียกว่าเส้นทางถอดแบบ ผบ.รุ่นพี่มาเป๊ะๆ ทั้งยังเป็นมือทำงานของ พล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ประยุทธ์ มาอย่างใกล้ชิดด้วย

อย่างไรก็ตาม กว่าจะถึงวันนี้ “บิ๊กป้อม” ต้องหนีบ “สัญญาณพิเศษ” เดินสายเคลียร์ใจ “บิ๊กตู่” รวมถึง “บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ผบ.ทบ.ให้ เพราะมีข่าวว่า “บิ๊กโด่ง” กับ “บิ๊กหมู” ไม่กินเส้นกันอย่างแรง

ที่ร้ายกว่านั้นยังมีข่าวอีกว่า พล.อ.ประวิตรออกแรงไปขอช่วยแกมบังคับให้ พล.อ.อุดมเดชชงชื่อ “บิ๊กหมู” เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการกลาโหม เพื่อให้ที่ประชุมชงชื่อนั่งตำแหน่งผบ.ทบ. ก่อนที่จะส่งให้ “บิ๊กตู่” อย่างไร้กังขา ไร้แรงต้าน เพราะหาก พล.อ.อุดมเดชส่งชื่อ “บิ๊กติ๊ก” นั่ง ผบ.ทบ.ตามแผนเดิมแล้ว พล.อ.ประวิตรขอใช้สิทธิเปลี่ยนตัวกลางที่ประชุมกลาโหมจะเกิดข้อกังขามากมาย แล้วตัว “บิ๊กป้อม” เองจะมีมลทินติดตัวทันที

อาจกลายเป็นปมหมางใจเลยเถิดกันไปของ “พี่ป้อม-น้องตู่” ด้วย

ที่สำคัญอาจจะโดนน้องๆในกองทัพหาว่าลำเอียงเลือกที่รักมักที่ชังเอาได้ ทางรอดเดียวของ “บิ๊กป้อม” คือโยนให้ “บิ๊กโด่ง” ทำเอง ตัวเองลอยตัว น้องรักสมหวังก็เป็นพอ

ผลพวงจากการที่ “บิ๊กป้อม” จัดโผทหารด้วยตัวเองเกือบทั้งหมด แม้จะมีรายการคุณขอมาบ้าง แต่โอกาสน้อยที่นายทหารที่ไม่ใช่เครือข่ายบูรพาพยัคฆ์จะได้เป็นใหญ่ คนที่ไม่เคยเข้ามูลนิธิป่ารอยต่อที่ ร.1 รอ. หมดสิทธิหวังได้ลาภก้อนโต

ก่อนหน้านี้ “ป๋าป้อม” ก็เคยแสดงปิทธิฤทธิ์มาแล้วกับเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตามเนื้อผ้าแล้วเป็น “บิ๊กตู่” ที่ตามตำแหน่งแล้วเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (กต.ช.) ต้องเคาะครั้งสุดท้าย แต่กลับมอบอำนาจให้ พล.อ.ประวิตรเลือกเอา “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ชงชื่อขึ้นเป็นผบ.ตร.คนใหม่ แทน “พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” ผบ.ตร.ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการ

ทั้งที่ “บิ๊กแป๊ะ” ยังเหลืออายุราชการอีก 5 ปี ตรงกันข้ามแคนดิเดตคนสำคัญ “พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์” รองผบ.ตร. ที่เหลืออายุราชการเพียงแค่ 1 ปี แต่กลับถูกมองข้ามแบบไม่ใยดี ด้วยเหตุผลสั้นๆว่า พิจารณาจากความเหมาะสมกับสถานการณ์

ชั่วโมงนี้จึงถือว่าขุมกำลังทางงานด้านความมั่นคงอยู่ในมือ “บิ๊กป้อม” แบบเบ็ดเสร็จ สั่งซ้ายหันขวาหันได้หมด แม้จะรับคำสั่งจาก “บิ๊กตู่” แต่คนสั่งตัวจริงคือ “ป๋าป้อม”

นอกจากการจัดโผข้าราชการตำรวจ-ทหารแล้ว “ป๋าป้อม” ยังสามารถจับวางเก้าอี้ในส่วนอื่นๆได้อย่างถนัดถนี่โดยไม่ต้องเกรงใจใคร อย่างตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่ง "อนุสิษฐ คุณากร" เจ้าของตำแหน่งกำลังจะเกษียณอายุราชการ แม้จะมีระบบจัดการภายในวางไลน์ “ลูกหม้อ” ไว้อย่างชัดเจน เพราะเป็นหน่วยงานความมั่นคงที่สำคัญ จนเคยมีปัญหา “คนข้ามห้วย” เมื่อสมัยรัฐบาลเลือกตั้ง ที่ “ถวิล เปลี่ยนศรี” อดีตเลขาฯ สมช.เคยเอาเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลจนเป็นเหตุสำคัญทำให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ตกเก้าอี้มาแล้ว

มายุคนี้หน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน ธรรมนงธรรมเนียมปฏิบัติอะไรก็ไม่สำคัญ เมื่อ “ป๋าป้อม” จะเอาซะอย่าง มีข่าวว่า พอเคลียร์ตำแหน่งใน “กองทัพไทย” ไม่ลงตัว ก็ต้องมองหาที่นั่งในส่วนอื่นมารองรับ อย่างรายของ “พล.อ.ทวีป เนตรนิยม” ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ที่ใจจริงอยากเกษียณอายุราชการในกองทัพ แต่เมื่อเคลียร์ไม่ลงตัว ก็เลยต้องเสนอแกมบังคับให้ พล.อ.ทวีปโยกออกจากหน่วยทหาร โดยเล็งไปที่ตำแหน่ง เลขาธิการ สมช.ที่กำลังจะว่าง

แม้จะมีแรงต้านจากบรรดา “ลูกหม้อ สมช.” ทั้ง “ถวิล” ที่เป็นทีมกุนซือของ “บิ๊กป้อม” เอง รวมไปถึง “ขจัดภัย บุรุษรัตน์” ที่ไม่เห็นด้วยอย่างแรง โดยสะกิดเตือนว่า ข้อครหาที่ทำให้ “คุณหนูปู” ต้องพ้นเก้าอี้นายกฯ ส่วนหนึ่งมาจากการโยกย้าย “ถวิล” ออกจากตำแหน่ง แล้วเอา “พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร” คนนอก สมช.เข้ามาทำงาน ขณะที่ "กนกทิพย์ รชตะนันทน์" รองเลขาธิการ สมช.อาวุโสสูงสุด ที่จ่อจะจะสร้างประวัติศาสตร์เป็น เลขาธิการ สมช.หญิงคนแรก ได้แต่มองตาปริบๆ

ว่ากันว่า “ลูกหม้อ สมช.” เสียความรู้สึกไม่น้อยที่ “บิ๊กป้อม” ไม่ได้สนใจเสียงทัดทาน เพราะเห็นประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง และเลือกที่จะทำร้ายจิตใจคน สมช. ทั้งที่ “บิ๊กตู่” เคยไฟเขียวให้ “กนกทิพย์” รอเป็นเลขาธิการ สมช. ท้ายที่สุดก็เป็น พล.อ.ประวิตรที่ขอไว้ เพื่อให้การแต่งตั้งโยกย้ายใน บก.กองทัพไทยลงตัว

ตามไทม์ไลน์แล้วชื่อ พล.อ.ทวีปจะถูกชงเข้าที่ประชุม ครม.ในตำแหน่งเลขาธิการ สมช.เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังติดขัดเรื่องการจัดเตรียมเอกสารโอนย้าย โดยคาดว่าสัปดาห์นี้ก็จะได้ว่าที่เลขาธิการ สมช.ที่ชื่อ พล.อ.ทวีป

กลายเป็นว่า คนที่น่าจะมีอำนาจที่สูงสุดต้องเชื่อฟัง “บิ๊กป้อม” ที่ตำแหน่งเล็กกว่า

ปีกว่าที่เข้าสู่อำนาจกันมา สองศรีพี่น้องบูรพาพยัคฆ์ขัดใจ-ขบเหลี่ยมกันหลายเรื่อง แต่ก็เคลียร์ใจผลัดกันถอยทำให้ไม่มีปัญหาคาใจกันตามประสาคนบ้านใกล้ ร่วมโต๊ะดินเนอร์อาหารเย็นกันไม่เว้นแต่ละวัน

คงจะมีก็แต่เพียงเมื่อครั้งที่ “ป๋าป้อม” พยายามผลักดัน “เซเลปสาวสวย” ให้รับตำแหน่งรองโฆษกรัฐบาล หนเดียวเท่านั้นที่หัวเด็ดตีนขาดยังไง “บิ๊กตู่” ก็ไม่ยอม นอกนั้นยอมลงให้ลูกพี่หมดทุกเรื่อง

สะท้อนให้เห็นอำนาจ-บารมีในยุค คสช.ครองเมืองได้ชัดเจน