อานนท์ นำภา
แหม่ แค่ศาลอาญามีคำสั่งรับอุทธรณ์และให้พลเอกประยุทธและบรรดา ผบ.เหล่าทับทั้ง ๔ ในขณะเกิดเหตุ ทำคำแก้อุทธรณ์ส่งศาลภายใน ๑๕ วันเท่านั้น ทำเป็นดีใจไป ศาลยังไม่ได้พิพากษาว่ามีความผิดหรือรับพิจารณาไต่สวนเลย ขณะนี้มีความเป็นไปได้ ๒ ทางคือ เมื่อจำเลยทั้ง ๕ ทำคำแก้อุทธรณ์และศาลอาญาส่งสำนวนไปที่ศาลอุทธรณ์แล้ว
๑) ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นตามศาลชั้นต้น คือถือว่า คสช.มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ตนเองแล้ว จึงไม่มีความผิด ก็ยกฟ้องตามศาลชั้นต้น หรือ
๒) เห็นว่าศาลชั้นต้นต้องเปิดโอกาสให้โจทก์(พลเมืองโต้กลับ) ได้นำพยานหลักฐานเข้าไต่สวนก่อน ศาลอุทธรณ์ก็จะสั่งกลับคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นเปิดการไต่สวนคดี ม.๑๑๓ ของ คสช.
ส่วน คสช.ในขณะนี้ทำได้ ๒ ทางคือ
๑) เซ็นแต่งตั้งทนายความในฐานะจำเลยความผิดฐานเป็นกบฎ ให้ทนายความทำคำแก้อุทธรณ์ส่งศาลอาญาภายใน ๑๕ วัน หรือ
๒) ทำหนังสือไปที่สำนักงานอัยการ ขออัยการมาว่าความแก้ต่างให้ในฐานะที่ตนตกเป็นจำเลยในคดี และอัยการก็จะเป็นทนายความจำเลย
ความตลกมันก็จะเกิดขึ้นทันที ที่เมื่อพลเมืองฟ้องคณะกบฎ แล้ว อัยการซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐมาว่าความแก้ต่างให้แก่กบฎ
แต่ตอนนี้ ผมว่า คสช.คงแสลงใจพิลึก ที่ต้องเซ็นใบแต่งตั้งทนายความในฐานะที่ตนเองเป็นจำเลยในคดีอาญาข้อหาเป็นกบฎ ตามม.๑๑๓
หุหุ #พลเมืองชี้แจง