คนเบื้องหลังเผยที่มาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ บนปฏิบัติการประชาธิปไตยในยุค คสช. เปลี่ยนรัฐธรรมนูญให้มีชีวิต เปลี่ยนชีวิตพลเมืองใหม่ บนเส้นทางประชาธิปไตย
ooo
สุภิญญาแนะคนใช้อำนาจดึงสติ หลัง กสทช.เรียกไทยพีบีเอสแจงกรณีเสนอข่าว '14 น.ศ.'
Thu, 2015-07-02 01:54
ที่มา ประชาไท
คอนเฟิร์มข่าว กสทช.เรียกไทยพีบีเอสชี้แจงกรณีเสนอข่าวกลุ่มขบวนการประชาธิปใหม่ สุภิญญาแนะรักษาหลักการให้มาก อย่าจำกัดเสรีภาพมากไปกว่านี้ ย้ำพันธกิจ กสทช.กำกับสื่อให้อิสระจากการเมือง
"ยังไม่รู้จะมีโทษไหม รู้ว่าตอนนี้ฝ่ายผู้มีอำนาจกังวลกับการเคลื่อนไหว (แม้โดยสงบ) ของนักศึกษา ถึงขั้นมีการตัดสินใจจับกุม แต่ กสทช. ก็ควรตั้งหลักถ่วงดุลให้สื่อบ้าง ไม่ใช่อะไรๆ ก็ขัดความมั่นคง ขัดความมั่นคง พูดไม่ได้ รายงานไม่ได้
ทีวีดิจิตอลเขาก็ต้องทำหน้าที่ของเขา ยิ่ง @ThaiPBS เขาก็ระวังสูงมากอยู่แล้ว" สุภิญญาระบุ
"ยังไม่แน่ใจว่า สนง.จะเสนอวาระที่เรียก @ThaiPBS มาชี้แจง เข้าบอร์ด กสท.ให้ลงมติเพื่อตัดสินหรือไม่ ถ้าเข้าก็ควรใช้หลักการให้มากกกในการตัดสิน คือสภาพการณ์เรื่องสิทธิเสรีภาพมันก็ถูกจำกัดมากอยู่แล้ว ถ้ายิ่งจำกัดมากไปกว่านี้มันจะไม่ดีทั้งต่อ กสทช. รัฐบาล และ สังคมไทยเองในที่สุด" สุภิญญากล่าวและว่า เราควรเรียนรู้จากประวัติศาสตร์กันให้มาก เราควรใช้เหตุผลกันให้มาก เราควรตั้งสติกันให้มาก โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้อำนาจแบบ กสทช. และอื่นๆ
สุภิญญา ระบุด้วยว่า อย่างที่บอกถ้าใช้อำนาจอย่างที่ควรใช้ในการลงโทษผู้ประกอบการที่เอาเปรียบผู้บริโภคอันนี้เห็นด้วย (แต่กฎหมายก็อ่อนแอมาก) แต่พอการเมืองแล้วใช้แรงมาก
เธอระบุด้วยว่า หยุดตั้งสติมาสองคืนแล้ว เพราะไม่อยากทวิตแรงมาก ส่วนหนึ่งก็ห่วงตัวเอง อีกส่วนหนึ่งก็ไม่อยากให้ความรู้สึกนำเหตุผล เพียงแต่ต้องการเตือนทุกฝ่ายโดยเฉพาะ กสทช.อันเป็นที่รัก ทำงานที่นี่ไป วิจารณ์ไป แต่ก็รักงาน รักองค์กรของตนเอง เจ็บปวดทุกครั้งถ้า กสทช.ตัดสินใจอะไรแล้วสวนทางกับหลักการ
"พันธกิจ กสทช.ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระ เพื่อกำกับดูแลสื่อให้เป็นอิสระจากการเมือง ใช่มันเป็นอุดมคติมาก แต่มันคือสิ่งที่ทำให้เราเกิดมา จริงอยู่ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน ที่ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับเดิมซึ่งเป็นที่มาของ กสทช. แล้วก็ตาม แต่เราก็ยังหวังว่าจิตวิญญาณของมันยังล่องลอยอยู่บ้าง" สุภิญญาระบุและว่า ในฐานะที่เป็นหนึ่งเสียง แม้อาจดูไม่มีความหมาย แต่ก็จะพยายามจะทัดทานให้เต็มที่ ไปจนกว่าแรงเสียดทานมันจะทำให้เรายืนไม่ไหวไปเอง
นอกจากนี้ สุภิญญา ระบุด้วยว่า ข่าวทีวีตอนนี้มันก็คล้ายๆ กันอยู่แล้ว ไม่มีช่องไหนที่เขาจะกล้าเสี่ยงกฎหมาย ถ้าเราเข้มงวดกว่านี้ การมีทีวีหลายสิบช่องก็คงไร้ความหมายจริงๆ
ooo
(ข้อ) 5. เครียดมากกับประเด็นที่ สนง. เรียก @ThaiPBS มาชี้แจงกรณีการรายงานข่าวกรณีกลุ่มนักศึกษาโดยเฉพาะกลุ่มดาวดินถูกจับกุม ยังไม่รู้จะมีโทษไหม
รู้ว่าตอนนี้ฝ่ายผู้มีอำนาจกังวลกับการเคลื่อนไหว(แม้โดยสงบ)ของนักศึกษา ถึงขั้นมีการตัดสินใจจับกุม แต่ กสทช. ก็ควรตั้งหลักถ่วงดุลให้เสรีภาพสื่อบ้าง
ไม่ใช่อะไรๆก็ขัดความมั่นคง ขัดความมั่นคง พูดไม่ได้ รายงานไม่ได้
ทีวีดิจิตอลเขาก็ต้องทำหน้าที่ของเขา ยิ่ง @ThaiPBS เขาก็ระวังสูงมากอยู่แล้ว
ยังไม่แน่ใจว่า สนง.จะเสนอวาระที่เรียก @ThaiPBS มาชี้แจง เข้าบอร์ด กสท.ให้ลงมติเพื่อตัดสินตามมาตรา 37 หรือไม่ ถ้าเข้าก็ควรใช้หลักการให้มากในการตัดสิน
คือสภาพการณ์เรื่องสิทธิเสรีภาพมันก็ถูกจำกัดมากอยู่แล้ว
ถ้ายิ่งจำกัดมากไปกว่านี้มันจะไม่ดีทั้งต่อ กสทช. รัฐบาล และ สังคมไทยเองในที่สุด
เราควรเรียนรู้จากประวัติศาสตร์กันให้มาก
เราควรใช้เหตุผลกันให้มาก เราควรตั้งสติกันให้มาก โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้อำนาจแบบ กสทช. และหน่วยงานรัฐอื่นๆ
อย่างที่บอกถ้าใช้อำนาจอย่างที่ควรใช้ในการลงโทษผู้ประกอบการที่เอาเปรียบผู้บริโภคอันนี้เห็นด้วย (แต่การบังคับกฏหมายก็อ่อนแอมาก) แต่พอการเมืองแล้วใช้ได้แรงสุดๆ
หยุดตั้งสติมาสองคืนแล้ว เพราะไม่อยากทวิตแรงมาก ส่วนหนึ่งก็ห่วงตัวเอง อีกส่วนหนึ่งก็ไม่อยากให้ความรู้สึกนำเหตุผล เพียงแต่ต้องการเตือนทุกฝ่าย
โดยเฉพาะ กสทช.อันเป็นที่รัก ทำงานที่นี่ไป วิจารณ์ไป แต่ก็รักงาน รักองค์กรของตนเอง เจ็บปวดทุกครั้งถ้า กสทช.ตัดสินใจอะไรแล้วสวนทางกับหลักการที่ควรจะเป็น
พันธกิจ กสทช.ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระ เพื่อกำกับดูแลสื่อให้เป็นอิสระจากการเมือง มันเป็นอุดมคติมาก แต่มันคือสิ่งที่ทำให้เราเกิดมา
จริงอยู่ภายใต้กฏหมายปัจจุบัน ที่ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับเดิมซึ่งเป็นที่มาของ กสทช. แล้วก็ตาม แต่เราก็ยังหวังว่าจิตวิญญาณของมันยังล่องลอยอยู่บ้าง
ในฐานะที่เป็นหนึ่งเสียง แม้อาจดูไม่มีความหมาย แต่ก็จะพยายามจะทัดทานให้เต็มที่ ไปจนกว่าแรงเสียดทานมันจะทำให้เรายืนไม่ไหวไปเอง
ข่าวการเมืองในฟรีทีวีตอนนี้มันก็คล้ายๆกันอยู่แล้ว ไม่มีช่องไหนที่เขาจะกล้าเสี่ยงท้าทายกฏหมายหรอก ถ้าเราเข้มงวดยิ่งกว่านี้ การมีทีวีหลายสิบช่องก็คงไร้ความหมายจริงๆ
.
จุดยืนส่วนตัวของดิฉัน คือเราเห็นใจคนตัวเล็กอยู่แล้ว อย่างน้อย กสทช.ก็ควรฟังเขาก่อน...
.
เรื่องการเมืองก็เช่นกัน ไม่ว่าจุดยืนทางการเมืองส่วนตัวเราจะเป็นอย่างไร แต่เราต้องปกป้องเสียงของฝ่ายที่ไม่มีอำนาจด้วย ไม่ใช่ยืนแต่ข้างอำนาจ
.
เราต้องปกป้องพื้นที่ของฝ่ายค้านให้มีที่ยืนในสังคม ไม่ว่าใครจะมีอำนาจในยุคสมัยนั้นก็ตาม เพราะสังคมที่เป็นธรรมต้องมีการตรวจสอบถ่วงดุลเสมอ
.
การกำกับดูแลสื่อในอุตสาหกรรมนี้ก็เช่นกัน ทั้งรายใหญ่ รายกลาง รายเล็ก ก็ต้องใช้วิธีการที่เหมาะสม เป็นธรรม ไม่ใช่แค่เท่าเทียมแต่ต้องเป็นธรรม