วันศุกร์, สิงหาคม 09, 2567

รวมพลังประชาชนแหกด่าน “ประชาธิปไตยสองใบอนุญาต”



7 สิงหาคม 2024

หลังคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลในวันนี้ ประชาชนคนไทยอาจจะรู้สึกเหมือนหนังม้วนเดิมหวนกลับมาฉายซ้ำอีกครั้ง บ้างอาจรู้สึกท้อแท้และหมดหวัง แต่สำหรับผม ในฐานะผู้ประสบภัยจากการยุบพรรคอนาคตใหม่มาก่อน นี่คือสัญญาณของการเดินหน้าต่อ

ผมเชื่อว่าประชาชนต่างรู้สึกเสียใจ แต่ประสบการณ์ของเราจากการถูกยุบพรรคอนาคตใหม่ ต่อเนื่องมาสู่พรรคก้าวไกลวันนี้ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าวันที่เขายุบพรรคอนาคตใหม่ที่ได้มา 6.3 ล้านเสียงกับ สส. 81 คน มาวันนี้ได้กลายเป็นพรรคก้าวไกล 14 ล้านเสียงกับ สส. 151 คน เพิ่มมาเท่าตัว

แล้วครั้งนี้ก็จะเพิ่มอีกเท่าตัว?

[ อันตรายของการยุบพรรคก้าวไกล: ใครกันแน่ที่นำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องมือ ]

การยุบพรรคก้าวไกลจริงอยู่ที่ทำให้ประชาชนเจ็บปวด แต่สำหรับทุกคนในพรรคก้าวไกล คำวินิจฉัยในวันนี้ไม่กระทบกระเทือนพรรคก้าวไกล นอกเหนือไปจากแค่การต้องบริหารจัดการงานธุรการไม่กี่วันให้กลับมาตั้งตัวได้

แต่สิ่งที่อันตรายไปกว่านั้น คือคำวินิจฉัยวันนี้ต่างจากการยุบพรรคอื่นๆ ในประเทศไทยเกือบสองทศวรรษที่ผ่านมา และนี่คือ “อพัฒนาการ” ของการยุบพรรคในประเทศไทย ที่ไม่มีความเขินอายกระมิดกระเมี้ยนอีกต่อไปแล้ว ว่าพรรคก้าวไกลซึ่งมีสมาชิกแสนกว่าคน ได้รับคะแนนมากว่า 14 ล้านเสียง ได้ สส. มา 151 คน เป็นที่ 1 ของประเทศ เป็นผู้ “ล้มล้างการปกครอง”

ถามตรงไปตรงมา ใครเป็นคนนำประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์ลงมาเล่นการเมืองกันแน่?

การรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ มีแต่ต้องเชิดชูให้อยู่เด่นมีสถานะเป็นกลางทางการเมือง ให้นักการเมืองว่ากันไปตามบริบท สอดคล้องกับหลักว่าพระมหากษัตริย์ “ทรงครองราชย์ แต่ไม่ครองรัฐ” และ “ทรงปกเกล้า แต่ไม่ปกครอง”

พรรคก้าวไกลเสนอแก้ ม.112 เพราะเล็งเห็นว่าการใช้กฎหมายแบบนี้จะกระทบกระเทือนถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้แต่รัชกาลที่ 9 ก็มีพระราชดำรัสไว้เหมือนกันว่าการใช้ ม.112 กระทบกระเทือนถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ การที่พรรคก้าวไกลไปอาสาแก้ไขแบบนี้เป็นการล้มล้างการปกครองตรงไหน?

ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่ใช่แค่ระบอบประชาธิปไตย และไม่ใช่แค่ระบอบที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่ต้องมีทั้งสองสิ่งอยู่ด้วยกัน

ในวันที่ประเทศไทยกำลังอยู่บนเส้นทางความแตกแยกทางความคิดของประชาชน การมีคำวินิจฉัยแบบนี้เกิดขึ้นมาอีก ประชาชนก็จะยิ่งสงสัยขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วจะจัดการปัญหาเรื่องนี้อย่างไร แม้จะใช้อำนาจรัฐกดปราบคนเห็นต่าง ยุบพรรคตัดสิทธิคน กดไม่ให้พูด แต่ตราบที่คนยังคิด จะให้ทำอย่างไร?

วิธีการที่ถูกต้องในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ คือการทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ต่อไป พร้อมกับทำให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่ทัดเทียมสากล รักษาทั้งสองสถาบันเอาไว้ด้วยกัน และนี่คือสิ่งที่พรรคอนาคตใหม่มาจนถึงพรรคก้าวไกล ยืนยันและทำมาโดยเสมอ

“คำวินิจฉัยวันนี้มีผลทางกฎหมายเพราะรัฐธรรมนูญบอกไว้แบบนั้น แต่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญจะมีผลในทางจิตใจหรือไม่อยู่ที่พวกเรา ในจิตใจของพวกเราเรายังเชื่อมั่นเสมอว่าอนาคตใหม่ถึงก้าวไกล พรรคการเมืองเหล่านี้ไม่ได้มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง”

[ ประชาธิปไตยสองใบอนุญาต ]

ระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย เป็นประชาธิปไตยแบบสองใบอนุญาต

กล่าวคือ พรรคการเมืองที่ลงเลือกตั้งแม้จะได้รับฉันทานุมัติจากประชาชนล้นหลาม แต่ถึงเวลาก็สามารถที่จะไม่ได้เป็นรัฐบาล เหมือนกับที่พรรคก้าวไกลถูกรุมสกรัมจากชนชั้นนำทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง และจารีต สกัดไม่ให้มีโอกาสบริหารประเทศแม้แต่วินาทีเดียว

หมายความว่าประเทศนี้การจะครองอำนาจรัฐได้ จำเป็นต้องได้สองใบอนุญาต คือใบอนุญาตจากประชาชนที่เลือกเข้ามา ซึ่งความจริงในนานาอารยะประเทศ การได้รับอนุญาตเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

แต่ประเทศนี้พิศดารกว่านั้น เพราะยังต้องมีใบอนุญาตอีกใบ คือใบอนุญาตจากชนชั้นนำของประเทศ

ที่ผ่านมาทั้งพรรคการเมืองดั้งเดิม และการแสดงออกของนักการเมืองและพรรคการเมืองจำนวนมาก พูดอย่างทำอย่าง สัญญาอย่างทำอย่าง หาเสียงอย่างทำอย่าง ทิ้งใบอนุญาตใบแรกเพื่อหาใบอนุญาตที่สอง แต่สำหรับอนาคตใหม่ ก้าวไกล และพรรคต่อไป การจะได้ใบอนุญาตใบที่สองเป็นเรื่องยาก

เรามีเพียงหนทางเดียวเท่านั้น คือต้องได้ใบอนุญาตใบแรก คือฉันทานุมัติจากประชาชนให้ถล่มทลาย ยิ่งเยอะเท่าไหร่ใบที่สองก็ต้องออกมา ขวางการออกใบอนุญาตที่สองไม่ได้

[ ยุบพรรคจะกลายเป็นกระสุนด้าน หากพวกเราทุกคนเดินหน้าต่อทันที ]

การยุบพรรคการเมืองทำสำเร็จเพราะผลทางกฎหมายบอกให้เป็นเช่นนั้น แต่เราต้องอ่านให้ขาดว่าจะทำอย่างไรให้การยุบพรรคกลายเป็นกระสุนด้าน

เขายุบพรรค เพราะต้องการให้พิธา ชัยธวัช และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลหายไปจากการเมือง แต่มันจะกลายเป็นกระสุนด้านทันที ถ้าวันรุ่งขึ้นพิธากับชัยธวัชยังคงเดินทางไปทั่วประเทศและทำงานการเมืองเหมือนเดิม

เขายุบพรรค เพราะต้องการให้ตั้งพรรคใหม่ไม่ทัน แต่ถ้าวันรุ่งขึ้นมีการตั้งพรรคใหม่ขึ้นมา สมาชิกพรรคก้าวไกลนับแสนคนเดิมแห่ไปสมัครพรรคใหม่ให้พร้อมเพียงกัน ให้เกินแสนภายในชั่วพริบตาเดือนเดียว เงินบริจาคถล่มทลาย สส. พร้อมเพรียงย้ายไปพรรคใหม่

อาวุธที่ชื่อยุบพรรคจะกระสุนด้านทันที และจะหมดสมรรถภาพอย่างสิ้นเชิงในการเลือกตั้ง 2570

ประชาชนอาจจะคับแค้นใจ แต่ประวัติศาสตร์มนุษยชาติคือประวัติศาสตร์ของความก้าวหน้าและการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าใครจะขวางการเปลี่ยนแปลง สุดท้ายก็จะรู้ว่าขวางไม่ได้

เมื่อหนังม้วนเก่าวนรอบมา เราอาจจะรู้สึกท้อแท้ผิดหวัง แต่ทุกวงจรของสังคมมีพัฒนาการที่ก้าวหน้าขึ้น และการยุบพรรคทุกครั้งยิ่งทำให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศตาสว่างทั้งแผ่นดิน อดทนไว้ แสดงออกกันเต็มที่ในวันนี้ อดทนไว้รอปี 2570 รวมพลังกันโหวตพรรคต่อไปให้เกิน 300 เสียง 20 ล้านคนทั่วประเทศ เพื่อเอาใบอนุญาตใบแรกมา แล้วใบอนุญาตที่สองก็หนีไม่พ้น ต้องให้พรรคนี้เป็นรัฐบาลเท่านั้น


ที่มา
https://www.moveforwardparty.org/article/21214/