วันเสาร์, กรกฎาคม 06, 2567

น่าเศร้า ทำไมเดี๋ยวนี้ ไม่ค่อยมีใครพูดถึง สุนทรียศาสตร์ (Aesthetics) ในศาสนาอิสลาม เหตุใดสุนทรียะในอิสลามถึงศูนย์หายไป?


Arabesque Patterns
.....

Zakee Pitakumpol
18 hours ago
·
คำถามที่ข้าพเจ้ามักจะประสบพบเจออยู่เสมอเมื่อมีโอกาสวิสาสะกับเพื่อนต่างศาสนิกเมื่อพูดถึงศาสนาอิสลาม นั่นคือ อะไรคือสุนทรียศาสตร์ (Aesthetics) ในอิสลาม ทำไมจึงไม่ค่อยเห็นเรื่องนี้ในการนำเสนออิสลามจากบรรดาผู้รู้/นักเผยแผ่ศาสนาอิสลามในยุคปัจจุบัน?
ข้าพเจ้าชะงักและใช้เวลาในการรวบรวมคำพูดก่อนที่จะตอบคำถามเทือกนี้อย่างระมัดระวัง เพราะเท่าที่เคยอ่าน/รับรู้มา สุนทรียศาสตร์มีมาตลอดในประวัติศาสตร์ของอิสลามนับแต่สมัยศาสดา กรณีการต้อนรับชาวเมกกะ (มูฮายีรีน) โดยชาวมะดีนะห์ (อันซอร) ในการอพยพตามท่านศาสดาไปยังเมืองมะดีนะห์ ก็ปรากฎหลักฐานว่ามีการร้องลำนำ (อนาซีด) ที่มีเครื่องดนตรีอยู่ด้วย เป็นต้น
ในช่วงที่อิสลามรุ่งเรืองในอันดาลูเซีย (สเปนในปัจจุบัน) มีการผลิตศิลปะแบบลวยลายเลขาคณิต (Arabesque) ซึ่งเป็นศิลปะที่มีมาก่อนอิสลาม คือมีตั้งแต่สมัยกรีกและโรมัน แต่อิสลามก็รับเข้ามาเพื่อหลีกเลี่ยงการวาดรูปเหมือนของ คน สัตว์ หรือ สิ่งมีชีวิต ในการประดับประดาอาคารหรือศาสนสถาน เช่น มัสยิดให้มีความสวยงามวิจิตรตระการตา เป็นสุนทรียะแก่ผู้ใช้สถานที่ สะท้อนให้เห็นแก่นแท้ของความเป็นมุษย์ที่ไม่สามารถหลีกหนีไปจากเรื้องสุนทรีย์หรือความสวยงามได้เลย ดังนั้นอิสลามจึงเป็นศาสนาที่มีความครอบคลุมในทุกมิติของชีวิตมนุษย์
พูดอีกแง่หนึ่ง ศิลปะลวดลายเลขาคณิตจึงเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่จะไม่จำนนของมุสลิมที่มีต่อข้อจำกัดในทางศาสนากับศิลปะ/ความสวยงามต่อกรณีข้อจำกัดในการวาดรูปเหมือน และนำเสนอศิลปะอีกแขนงหนึ่งเพื่อสะท้อนให้อารยธรรมโลกได้เห็นว่าในอิสลามก็มีสุนทรียะ เฉกเช่นอารยธรรมอื่นของโลก ความรุ่งเรื่องของสุนทรียะและศิลปะในอิสลามก็ถึงจุดที่รุ่งเรืองมากในอาณาจักรออตโตมานที่เป็นศูนย์กลางของโลกมุสลิมก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ส่งต่อไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั้งในยุโรป เอเซีย และแอฟริกาเหนือ
ความรุ่งเรืองนี้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง แม้ศูนย์กลางของอิสลามจะย้ายที่มายังตะวันออกกลางแล้วก็ตาม ซึ่งผู้ที่สนใจเรื่องนี้จะรู้ว่า มันมิได้ขาดตอนแต่อย่างใด เพราะมีรองรอยความรุ่งเรืองของศิลปะปรากฎอยู่ในแบกแดด ซีเรีย จอร์แดน หรืออิยิปต์ แต่เมื่อมาถึงยุคที่มีการฟืนฟูศาสนา อันเป็นผลมาจาการความตกต่ำที่เกิดขึ้นจากระบอบอาณานิคมสุนทรียศาสตร์กลับไม่ถูกพูดถึง หนำซ้ำยังถูกเบียดขับไปจากการนำเสนอ/เผยแผ่อิสลาม
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ เมื่อพบว่าในปัจจุบันสิ่งเหล่านี้สูญหายไปในการนำเสนออิสลามให้คนต่างศาสนิกในภูมิภาคต่างๆ รวมถึงในคาบสมุทรมลายูและประเทศไทย เหตุใดสุนทรียะในอิสลามถึงศูนย์หายไป? ข้าพเจ้าสังเกตว่าเวลามุสลิมถูกถามว่าอิสลามคืออะไร พวกเขามักตอบว่าอิสลามเป็นมากกว่าศาสนา (ในแง่นี้เขาอาจสรุปความจากนิยามแบบสังคมวิทยา) แต่มันคือวิถีชีวิต (way of life) (ท่องกันอย่างติดปาก)
คำถามคือ เป็นไปได้อย่างไรที่วิถีชีวิตของมนุษย์จะขาดเรื่องสุนทรียะ/ความงาม แล้วชีวิตที่ปราศจากสุนทรียะเป็นชีวิตแบบใด และเป็นชีวิตของใครกันเล่า?
ทุกวันนี้สิ่งที่น่าเศร้าใจไปกว่าการทำให้อิสลามไม่มีเรื่องสุนทรียะ คือ การทำให้อิสลามเป็นศาสนาที่คนต่างศาสนิกกลัวที่จะตั้งคำถาม กลัวที่จะปฎิสังสสรค์ด้วย หรือ กลัวที่จะสร้างสุนทรียะจากเรื่องราวชีวิตของมุสลิม เราปกป้องศาสนาจนแทบจะปิดประตูลั่นกลอนล็อคไม่ให้ใครเข้ามาตรวจสอบสิ่งที่เราบอกคนอื่นว่า มันวิถีชีวิตของเราไปหมดในทุกมิติ เราเคร่งครัดกับตนเอง(ซึ่งเป็นเรื่องดีและควรทำเป็นสิ่งแรก) และไม่หนำซ้ำยังไปเคร่งครัดกับคนอื่น (ยืมคำพูดของท่านอาจานย์อับดุลเราะห์มาน มู่เก็มมาใช้) แม้ว่าเรื่องนั้นจะเป็นความผิดพลาดแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตามแต่
ความน่ากลัวในทุกวันนี้นอกจากสุนทรียศาสตร์จะหายไปในการนำเสนออิสลามกับคนอื่นแล้ว มันยังหายไปจากจิตใจของมุสลิมบางคนที่อ้างตนเป็นผู้รู้ศาสนาเสียด้วย ผลลัพท์ที่ตามมาคืออะไร ข้าพเจ้าตอบไม่ได้ สงสัยว่าผู้อ่านคงต้องชั่งน้ำหนักกันเอาเอง…