ไม่ต่ำกว่า ๕ รายที่โดนกั๊ลฟ์ฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง ๑๐๐ ล้าน เป็นราคามาตรฐานข้อหาทำให้เสียชื่อเสียง นับแต่ รังสิมันต์ โรม ส.ส.ก้าวไกล นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี (๒ คดี) เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.ก้าวไกล
ยังมี สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ แล้วมานี่ ตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส พรรคไทยสร้างไทย เพิ่งได้รับหมายเรียกจากศาลเมื่อวานนี้ มูลเหตุจากการแถลงข่าวถึงปัญหา #ค่าไฟแพง เช่นกันกับคนอื่นๆ ก่อนหน้าซึ่งบ้างอภิปรายในสภา
เช่นเดียวกับกรณีของผู้ถูกฟ้องร้อยล้านอื่นๆ อย่างสฤณี ศาลประทับรับฟ้องไปแล้ว สั่งผู้ถูกกล่าวหา “ทำคำให้การแก้คดียื่นต่อศาลภายใน ๑๕ วันนับแต่วันที่ได้รับหมาย และนัดสืบพยานโจทก์วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๓.๓๐ น.”
ส่วนคดีของรังสิมันต์และเบญจา อันเนื่องมาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี แล้วพาดพิงถึงต้นตอของความไม่โปร่งใส เอื้อนายทุน และทำไม่รู้ไม่ชี้เมื่อเกิดปัญหาผู้ใช้พลังงานได้รับความเดือดร้อน จากราคาพลังงานขึ้นเอาๆ
ศาลรับฟ้องคดีของรังสิมันต์และเบญจาเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ยังคาราคาซัง ชะงักอยู่ช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมาและน่าจะรอสัญญานอะไรบางอย่างระหว่างการเปลี่ยนผ่าน ไปจากรัฐบาลที่เอื้อต่อการพัฒนาความมั่งคั่งของเจ้าของกิจการพลังงาน
การฟ้องร้อยล้านของกั๊ลฟ์นี่จัดว่าเป็นสูตรสำเร็จของ ‘SLAPP’ หรือการฟ้องที่เป็นยุทธวิธีการเมือง ไล่เอาชนักปักหลังฝ่ายตรงข้าม ผู้เห็นต่าง และการเปิดโปงความจริงอันอัปลักษณ์ต่อผู้ครองอำนาจ อันควรต้องมีการปรับแก้ในรัฐบาลหน้า
ในการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ควรเปิดช่องให้ฟ้องกลับต่อการใช้อิทธิพลและ/หรืออำนาจเงิน กระทำนิติสงครามกลั่นแกล้งกัน ด้วยระวางความผิดและมูลค่าเสียหายเป็นทวีคูณของการฟ้อง ‘ตบหน้า’ ดังกล่าว
(https://prachatai.com/journal/2022/12/102039, https://www.bangkokbiznews.com/business/1018714, https://thestandard.co/gulf-files-defamation-lawsuit-sarinee/ และ https://workpointtoday.com/3-billionaire-electricity/)
