Peace Sasipatra - พีซ ศศิร์ภัทรา
11h
·
ไทยขึ้นอันดับ 1 ของเอเชีย ฟ้องปิดปากประชาชน ถึงเวลายกร่างกฎหมาย ป้องกันการฟ้องปิดปาก ปิดกั้นตรวจสอบ
พีซ ได้ติดตามข่าวกรณีที่เวที UN เปิดข้อมูลการฟ้องปิดปาก หรือ SLAPP พบ ไทยพุ่งอันดับ 1 ในเอเซีย
โดยการโจมตีนักปกป้องสิทธิมนุษยชน มากกว่า 40% อยู่ในรูปแบบของการใช้กระบวนการยุติธรรมในการกลั่นแกล้ง (judicial harassment) ในปี 2565 มีจำนวนถึง 262 ราย และในช่วงเดือนมกราคม ถึงมีนาคม 2566 พบว่ามีคดีความถึง 437 คดี โดยที่เป็นคดี SLAPP เกี่ยวข้องกับธุรกิจ จำนวนถึง 146 คดี โดยสถิติปัจจุบันจำนวนคดี SLAPP ในเอเชีย-แปซิฟิก พบว่าประเทศไทยมีจำนวนมากที่สุด (51 กรณี) รองลงมาคือประเทศกัมพูชา (28 กรณี) และประเทศอินเดีย (16 กรณี)
พีซ ขอเสนอให้มีกฎหมายป้องกันการฟ้องกลั่นแกล้ง หรือฟ้องปิดปาก เพื่อยุติ SLAPP และเรียกร้องให้องค์กรสิทธิติดตามคดีเพื่อคุ้มครอง-เยียวยาผู้เสียหาย อีกทั้งรัฐบาลต้องยอมรับบทบาทนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และทุกภาคส่วนต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการติดตามคดีที่เป็นประโยชน์สาธารณะ
การต่อสู้คดีที่ถูกฟ้องกลั่นแกล้ง ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่าย เสียเวลา เสียสุขภาพจิต หลายคนที่ถูกฟ้องตั้งแต่ปี 2559 กว่า 7 ปี ที่เขาอยู่ในฐานะจำเลยไม่สามารถกลับบ้านได้ บางคนพ่อแม่ตาย ลูกเจ็บป่วยก็ไม่ได้กลับ สิ่งนี้มันทำลายสายสัมพันธ์ของความเป็นมนุษย์ ทำให้เห็นว่าการสู้คดี SLAPP มันมีค่าใช้จ่ายทั้งทางตรงและทางอ้อมเยอะมาก
เราต้องยุติการฟ้องปิดปากหรือการฟ้องเพื่อกลั่นแกล้งให้หมดไปจากสังคมไทยค่ะ
ไทยขึ้นอันดับ 1 ของเอเชีย ฟ้องปิดปากประชาชน ถึงเวลายกร่างกฎหมาย ป้องกันการฟ้องปิดปาก ปิดกั้นตรวจสอบ
พีซ ได้ติดตามข่าวกรณีที่เวที UN เปิดข้อมูลการฟ้องปิดปาก หรือ SLAPP พบ ไทยพุ่งอันดับ 1 ในเอเซีย
โดยการโจมตีนักปกป้องสิทธิมนุษยชน มากกว่า 40% อยู่ในรูปแบบของการใช้กระบวนการยุติธรรมในการกลั่นแกล้ง (judicial harassment) ในปี 2565 มีจำนวนถึง 262 ราย และในช่วงเดือนมกราคม ถึงมีนาคม 2566 พบว่ามีคดีความถึง 437 คดี โดยที่เป็นคดี SLAPP เกี่ยวข้องกับธุรกิจ จำนวนถึง 146 คดี โดยสถิติปัจจุบันจำนวนคดี SLAPP ในเอเชีย-แปซิฟิก พบว่าประเทศไทยมีจำนวนมากที่สุด (51 กรณี) รองลงมาคือประเทศกัมพูชา (28 กรณี) และประเทศอินเดีย (16 กรณี)
พีซ ขอเสนอให้มีกฎหมายป้องกันการฟ้องกลั่นแกล้ง หรือฟ้องปิดปาก เพื่อยุติ SLAPP และเรียกร้องให้องค์กรสิทธิติดตามคดีเพื่อคุ้มครอง-เยียวยาผู้เสียหาย อีกทั้งรัฐบาลต้องยอมรับบทบาทนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และทุกภาคส่วนต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการติดตามคดีที่เป็นประโยชน์สาธารณะ
การต่อสู้คดีที่ถูกฟ้องกลั่นแกล้ง ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่าย เสียเวลา เสียสุขภาพจิต หลายคนที่ถูกฟ้องตั้งแต่ปี 2559 กว่า 7 ปี ที่เขาอยู่ในฐานะจำเลยไม่สามารถกลับบ้านได้ บางคนพ่อแม่ตาย ลูกเจ็บป่วยก็ไม่ได้กลับ สิ่งนี้มันทำลายสายสัมพันธ์ของความเป็นมนุษย์ ทำให้เห็นว่าการสู้คดี SLAPP มันมีค่าใช้จ่ายทั้งทางตรงและทางอ้อมเยอะมาก
เราต้องยุติการฟ้องปิดปากหรือการฟ้องเพื่อกลั่นแกล้งให้หมดไปจากสังคมไทยค่ะ
(https://www.facebook.com/photo/?fbid=218452787777030&set=a.142202618735381)
