วันอังคาร, มีนาคม 21, 2566
ไม่มีพรรคอนุรักษ์นิยมหรือกษัตริย์นิยมในเมืองไทยมีแต่พรรคโหนเจ้าไปเรื่อยๆ
Thanapol Eawsakul
16h
ไม่มีพรรคอนุรักษ์นิยมหรือกษัตริย์นิยมในเมืองไทยมีแต่พรรคโหนเจ้าไปเรื่อยๆ จนกว่าจะขายไม่ออกแล้ว
.......
สิ่งที่ผมแปลกใจเป็นอย่างมากก็คือแนวทางการวิเคราะห์การเมืองไทย ของบรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างๆที่แบ่งออกมาเป็นพรรคเสรีนิยม กับพรรคอนุรักษ์นิยมหรือกษัตริยนิยม ในการเมืองไทย
หรือลงลึกกว่านั้นก็คือปีกพรรคฝ่ายค้านในปัจจุบัน อันประกอบด้วยเพื่อไทย ก้าวไกล เสรีรวมไทยประชาชาติ คือปีกเสรีนิยม
ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลอันประกอบด้วยพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา และแตกตัวออกมาเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ รวมไปถึงไทยภักดีของหมอวรงค์ คือปีกอนุรักษ์นิยมหรือกษัตริย์นิยม
สำหหรับผมแล้ว บรรดาพรรคการเมืองที่ลงเลือกตั้งทั้งหมด
ไม่มีพรรคการเมืองไหนที่บอกว่า จะไม่เอาระบอบกษัตริย์
ไม่มีพรรคการเมืองไหนที่ไปไกลเกินกว่าเจตนารมณ์ของการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475
สำหรับผมแล้วทุกพรรคการเมืองที่ลงเลือกตั้ง
ถ้าพูดภาษาของปรีดี พนมยงค์ก็คือ "ระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ" ทุกพรรคการเมืองอยู่ภายใต้กรอบราชอาณาจักร
ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน หรือสาธารณรัฐ
หรือพูดอีกนัยหนึ่งทุกพรรคการเมืองคือกษัตริย์นิยมในเฉดสีที่แตกต่างกัน
กล่าวสำหรับฝ่ายรัฐบาลปัจจุบันที่ นิยามตัวเองว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยมหรือกษัตริย์นิยมนั้น ถ้าลองสำรวจลงไปจริงๆ มันก็คือเทคนิคทางการเมืองเท่านั้นเอง หรือในหนึ่งก็คือการโหนเจ้าเพื่อหาคะแนนความนิยม และพร้อมที่จะเปลี่ยนด้วยถ้าขายไม่ออก
ยกตัวอย่าง
กรณีพรรคภูมิใจไทย เมื่อแยกออกมาจากพรรคเพื่อไทย ก็ไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากการจะเป็นรัฐบาลที่ขี่คอพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยกระทรวงเกรด A การประกาศว่า "มันจบแล้วครับนาย" ของเนวิน ชิดชอบ เมื่อมาโจมตีทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทยว่าก้าวล่วงสถาบันกษัตริย์ก็ไม่มีความหมายอะไร เพราะล่าสุดเนวิน ชิดชอบก็บอกแล้วว่าเขาและทักษิณไม่มีอะไรติดใจต่อกันและทั้งคู่ไม่เกี่ยวข้องกับทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยด้วย หมายความว่าพร้อมที่จะจับมือกันตั้งรัฐบาล
กรณีพรรคประชาธิปัตย์ จนถึงปัจจุบันนี้ก็เล่นบทเป็นขั้วตรงข้ามกับรวมไทยสร้างชาติของประยุทธ์ จันทร์โอชาเนื่องจากยุทธศาสตร์ตกปลาในบ่อเพื่อนของรวมไทยสร้างชาติ แต่ประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้มีท่าทีขึงขังว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยอย่างเด็ดขาด ดังเช่นอดีตแล้ว
กรณีพลังประชารัฐ ที่เป็นพรรคสืบทอดอำนาจในปี 2562 มาถึงปี 2566 ก็พร้อมก้าวข้ามความขัดแย้งร่วมมือได้กับทุกพรรคการเมือง ดูได้จากบรรดาสสพลังประชารัฐที่ยกมือสนับสนุนให้ประยุทธ์เป็นนายกในปี 2562 ก็ไหลมารวมกันที่พรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน และเมื่อถึงเวลาที่พรรคพลังประชารัฐต้องยุติบทบาทลงก็เชื่อว่าบรรดาส.สที่เหลือก็จะเข้าเพื่อไทยเป็นการกลับบ้านเก่านั่นเอง
กรณีชาติไทยพัฒนาก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะถ้าเป็นฝ่ายค้านแล้วจะอดอยากปากแห้ง อุดมการณ์(ถ้ามี) ก็พร้อมจะเก็บเข้าลิ้นชัก
ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติของประยุทธ์ จันทร์โอชา นี่จะเป็นพรรคฝ่ายค้าน 100% หลังจากนั้นรวมไทยสร้างชาติก็ ต้องยุบตัวเอง บรรดานักการเมืองต่างๆก็จะไปรวมกับพรรคการเมืองอื่น
.....
Prawais Prapanugoolkij is with ประเวศ ประภานุกูลกิจ.
11h
อาจารย์คณะรัฐศาสตร์เคยพูดว่า ประเทศไทยปกครองในระบอบ "คณาธิปไตย" คือ คนกลุ่มหนึ่งผลัดกันขึ้นมามีอำนาจ....ในแง่นี้คณะผู้มีอำนาจคงหมายถึง รัฐบาล เท่านั้น
คนกลุ่มนั้น...
ผู้นำกองทัพ
ข้าราชการระดับสูง
นักเลือกตั้ง
2 กลุ่มแรกเป็นนักการเมืองนอกระบบเลือกตั้ง กลุ่มที่ 3 คือพรรคการเมืองชื่อต่างๆ
ในกลุ่มที่ 3 ผมเห็นการย้ายพรรคทุกครั้งที่จะมีการเลือกตั้ง สาเหตุหลักของการย้ายพรรค สะท้อนอยู่ในคำพูดสมศักดิ์ เทพสุทิน.....ตั้งแต่เป็น สส. ผมไม่เคยเป็นฝ่ายค้าน
การวิ่งเต้นย้ายพรรคก่อนเลือกตั้ง คือการแทงไฮโล แทงว่าพรรคไหนจะเป็นฝ่ายรัฐบาล
กลุ่มที่ย้ายเข้าเพื่อไทยก็แค่แทงว่าเพื่อไทยจะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล
กลุ่มที่แตกรังจาก พปชร. ไปพรรคอื่นก็ด้วยเหตุผลเดียวกัน แทงว่าพรรคนั้นจะได้เข้าร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย...แม้แต่พรรคภูมิใจไทยก็เถอะ
แทงถูกก็อิ่มหมีพลีมันได้ร่วมรัฐบาล
แทงผิดก็อดอยากปากแห้งเป็นฝ่ายค้านไป...หนักกว่านั้น อาจโดนเช็คบิลล์ย้อนหลังสมัยร่วมรัฐบาลไอ้เหี้ยตู่