เขาเสริมว่า “แต่กระบวนการมันไม่เดิน นั่นล่ะปัญหา” ไม่เหมือน ๑๑๒ เดินคล่องเชียวละ น่าจะเป็นเพราะ ม.๑๑๓ เจาะจง “ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ”
รวมทั้ง “ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร หรือตุลาการ” ซึ่งทำโดยการรัฐประหารทุกครั้ง โดยเฉพาะการ “ยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใด” ถือเป็นการกระทำผิดร้ายแรง “ฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต”
อีกทั้ง ปัญหาอยู่ที่ “กระบวนการมันไม่เดิน” เสียเลยกับไอ้มาตรา ๑๑๓ นี้ พวกขุนศึก ศักดินาที่เกี่ยวข้อง และได้ประโยชน์จากการยึดอำนาจปกครอง ก็จะขวางตลอด แม้กระทั่งศาลก็ยังทำเหมือนไม่มีตัวบทมาตรานี้อยู่ในสารบบ
เช่นนั้นฝ่ายการเมืองก้าวหน้าจึงได้มุ่งหมายแก้ไข มาตรา ๑๑๒ ซึ่งเป็นหอกแหลมคอยทิ่มแทงประชาชนผู้มีความคิดเสรี ดังเช่น ‘ไอติม’ พริษฐ์ วัชรสิทธุ #ก้าวไกล ตอกย้ำระหว่างการดีเบท ๘ พรรค รายการ #มติชนเลือกตั้ง66 วันนี้
ว่ามี ๓ ประเด็นที่เขาต้องการแก้ ๑) คุ้มครองการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต ๒) ลดโทษเหลือจำคุก ๐-๑ ปี และ ๓) จำกัดตัวแทนร้องทุกข์กล่าวโทษเหลือเพียงหนึ่งเดียว ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงสำหรับผู้ได้รับการปกป้องเลยแม้แต่นิด
เพียงต้องการลดทอนอำนาจล้นเกินของมาตรานี้ ก็ยังมีพรรคการเมืองที่ไม่ยินดีจะให้มีการจำกัดอำนาจดังกล่าว จึงไม่แยแสจะแตะต้องแม้แต่พูดถึง นัยว่าถ้าประชาชนปากท้องอิ่มแล้วจะไม่พะวงกับเรื่องเลวร้ายเกี่ยวกับสถาบัน
พูดถึงกรณีพรรคเพื่อไทย ตอนนี้กว่า ๖ เดือนให้หลัง เพิ่งจะกล้าพูดว่าจะไม่ร่วมสังฆกรรมกับพวกรัฐประหารที่พยายามสืบทอดอำนาจอีกรอบ ผ่านการปราศรัยของนักการเมืองซึ่งในสายตาเจ้าของพรรค เคยถูกจัดเป็นพวก ‘เลี้ยงไม่เชื่อง’
คำพูดของ จาตุรนต์ ฉายแสง ที่พิษณุโลก ได้รับการชื่นชมจากผู้ที่เห็นว่ากฎหมายอาญา ม.๑๑๒ นอกจากมีปัญหาแล้วยังเป็นพิษเป็นภัย อานนท์ นำภา คนหนึ่งที่บอกว่า “น่าจะเรียกคะแนนสนับสนุนกลับมาอีกจำนวนมาก”
แม้นว่าการยืมปากของจาตุรนต์พูด ไม่ได้เป็นหลักประกันมากนักว่าพรรคจะทำตาม ความเห็นอานนท์จึงฟังขึ้น หากเพื่อไทยได้ ส.ส.ไม่ถึง ๒๕๐ เสียงหลังเลือกตั้ง พรรคร่วมฝ่ายค้านจับมือกันให้ได้ ส.ส. ๓๐๐+ จะได้ความชอบธรรมการเมืองสูงกว่า
(https://www.facebook.com/permalink.php=100000942179021 และ https://twitter.com/pran2844/status/1634842647394406400)
