ช่วงชิงกันมันย้อยเลยไหมนี่ ตำแหน่งประธานกรรมาฯ
ศึกษาแก้รัฐธรรมนูญ ที่ ‘ไฮแจ็ค’ กันเป็นทอดๆ พอประชาธิปัตย์อยากหล่อ เสนอตัว อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หลังจาก
ชวน หลีกภัย ประกาศ ‘ไม่ชอบ’ รธน.๖๐ ก็เกิดอาการกระสันต์จากพรรค
พปชร.บ้าง
ชื่อของ สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาโควต้าพลังประชารัฐโผล่แทรกแหกโค้งขึ้นมาพลัน
เสียงจาก พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัล ดังขึ้นทันที “ประธานกรรมาธิการวิสามัญศึกษาวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
๖๐ ควรมาจากฝั่งพลังประชารัฐ”
ท่ามกลางข่าว (ไทยรัฐ) ที่ว่า ปชป.ล้อบบี้หนัก
ขอให้ปิ๊สิดเป็นเถอะน่า “พล.อ.ประยุทธ์
คงเห็นความสามารถและศักยภาพการทำงานของนายอภิสิทธิ์เป็นอย่างดี
เนื่องจากเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาสมัยนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ มาแล้ว”
เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราชเก็บเอาคำของหัวโจกรัฐบาล
คสช.๒ ที่ว่า “ไม่ขัดข้อง” มาใช้เล่นเส้นข้ามห้วย “อยากให้
(นายกฯ) ส่งสัญญาณไปยังพรรคพลังประชารัฐพรรคหลักของรัฐบาล ให้เสียสละไม่สนับสนุนคนของพรรคมาแข่งขัน”
จะออกหัว/ก้อย คุณพระคุณนางอย่างไรตามแต่
งานนี้ฟากรัฐบาลฉกเอาไปกำเสียแล้วกระมัง ถ้าอย่างนั้นจะกลายเป็น ‘เสียงข้างมากลากไป วังวนเดิมๆ’ ดังที่อดีตโฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ
อุดม รัฐอมฤต พูดจริงไม่ตั้งใจหรือเปล่า
“ต้องคิดให้รอบคอบ...ให้เสียงข้างมากในสภาเท่านั้นเป็นผู้แก้ไข
อาจส่งผลให้เกิดปัญหาตามมา” เขาอ้าง “ในอดีตที่เสียงข้างมากใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง”
แล้วปัจจุบัน “กระแสขณะนี้มีทั้งการแก้รายประเด็น และการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญหรือ
ส.ส.ร.เพื่อแก้ไขทั้งฉบับ”
รายประเด็น “เช่น ระบบเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียว
หรือการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี” ส่วน “การแก้ไขทั้งฉบับอาจเป็นการถอยหลังไปนับหนึ่งใหม่
และอาจสร้างความขัดแย้งในสังคม จึงอยากให้ทุกฝ่ายให้เวลากับการใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ก่อน”
โถ ร่างมากับมือ จะให้รื้อทิ้งแล้วร่างใหม่ก็สุดแสนเสียดายละสิ
ยังดีที่อุตส่าห์ซื่อสัตย์ต่อตนเอง ไม่อ้อมค้อมเหมือนพวก สว.ตู่ตั้งบางคน ที่
คสช.ให้กินเงินเดือนสองแสนไว้คอยยกมือเป็นฝักถั่วเท่านั้น เสรี สุวรรณภานนท์ คนหนึ่งละ
เจ้าของวลี (ฝอย) ทอง ‘เผด็จการประชาธิปไตย’ ลั่นว่า “ไม่ได้หวงอำนาจ” แต่ไม่มีทางเล่นด้วยถ้าริดรอนอำนาจที่
คสช.ประทานให้มา จึงค้านด้านๆ ว่ายังไม่จำเป็นต้องแก้ เช่นกันกับ คำนูณ สิทธิสมาน
ที่บอกไม่พบข้อบกพร่อง ‘ที่เด่นชัด’
ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้
จากเบื้องต้นพรรคอนาคตใหม่จุดประกายไว้ตั้งแต่ปลายกรกฎาคม
“เปิดร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ จัดการมรดกบาป คสช. ยกเลิก ม.๒๖๙-๒๗๒ และ ม.๒๗๙...เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๗๙ เขียนรับรองให้ประกาศคำสั่ง
คสช. ชอบด้วยรัฐธรรมนูญทุกประการ”
หรือกรณีวุฒิสภาที่ “ขี่คอสภาผู้แทนราษฎรในหลายเรื่อง
ได้แก่การแก้รัฐธรรมนูญ การตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
และการตรากฎหมายที่เกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ หากปล่อยให้มีวุฒิสภาแบบนี้ต่อไป
วุฒิสภาก็จะกลายเป็นกลไกของการสืบทอดอำนาจ”
เช่นนั้น ปณิธานของพรรคอนาคตใหม่จึงถูกเก็บขึ้นหิ้งรอไว้ไม่มีกำหนด
แล้วเปิดช่องทางใหม่ ซึ่ง ‘บังอร’ ไม่บังเอิญ ทีม ‘โคทม อารียา/อนุสรณ์ ธรรมใจ’
“สนับสนุนการส่งสัญญาณของประธานรัฐสภา
ให้มีการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย”
ทั้งระบุด้วยว่า “แก้ไขระบบเลือกตั้งที่มีปัญหา
ทบทวนบทบาทและที่มาของสมาชิกวุฒิสภา” และให้แก้ที่มาตรา ๒๕๖
ก่อน ข้อเสนอของ ‘ภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย’ ยังเลยไปถึงคุณสมบัติของผู้ที่มาทำหน้าที่ประธานกรรมาธิการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย
ซึ่ง ‘บังเอิญ’
ไม่บังอร มีข้อหนึ่งที่ตรงกับความเห็นของพรรคเพื่อไทย
คือต้องเป็นผู้ที่ “มีความสามารถในการประสานงานได้กับทุกฝ่าย”
ในเมื่อ ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฏรก็เพิ่ง “เสนอว่า
คนที่เข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ควรเป็นนักประสาน”
อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทยยังเพิ่มเติมด้วยว่า
“สำหรับการเลือก กมธ. นั้น อยากให้ออกนอกกรอบ
โดยไม่จำเป็นต้องเป็นนักการเมืองส่วนใหญ่ แต่น่าจะเปิดโอกาสให้คนนอก เช่น
ภาควิชาการ ฯลฯ ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นด้วย”
(https://www.matichon.co.th/politics/news_1743879 และ https://www.nationweekend.com/content/image_news/2716.facebook)
จะเป็นเตะหมีเข้าปากมารไหมนั่น เห็นมีการเสนอชื่อ
มีชัย ฤชุพันธุ์ ไว้แล้วนะ