วันศุกร์, พฤศจิกายน 21, 2568

Tom Wright ชี้เป้า รัฐมนตรีคนไหนเซ็น MoU อัปยศ ?







.....





Sarinee Achavanuntakul - สฤณี อาชวานันทกุล
21 hours ago
·
MoU อัปยศ กับคำถามที่ควรจะดังกึกก้องถึงกระทรวงดีอี และประธานกรรมการ ก.ล.ต.

ระหว่างที่รัฐบาลไทย รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง ก.ล.ต. และ ปปง. ยังแทบไม่ขยับอะไรเลยเกี่ยวกับ #มหากาพย์นายหน้า ทั้งที่มหกรรมการแฉผ่านมาแล้วกว่าสามเดือน ทอม ไรท์ และ แบรดลีย์ โฮป สองนักข่าวเจาะระดับโลก ก็ยังคงเกาะติดและ “กัดไม่ปล่อย” อย่างน่าชื่นชม

ตามวิสัยนักข่าวที่ดีที่ต้องแกะรอยไปเรื่อยๆ ตามแต่แหล่งข่าวและข้อมูลจะพาพวกเขาไป โดยไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมหรือข้อครหาใดๆ

ผู้เขียนคิดว่า ในความเป็นจริงยิ่งหน่วยงานรัฐไม่แยแสที่จะทำงาน นักข่าวเจาะทีมนี้จะยิ่งได้รับเบาะแสและข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น จาก “นักเป่านกหวีด” หรือ whistleblowers ทั้งหลายที่ไม่อยากทนเห็นความผิดปกติและไม่ชอบมาพากลทั้งหลายในองค์กรของตัวเอง

ใน #มหากาพย์นายหน้า ภาคอินเตอร์ตอนล่าสุด วันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 สองนักข่าวหัวเห็ดเปิดโปงบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MoU) ระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี) กับ Prime Opportunity Fund VCC ซึ่งลงนามเมื่อปีกลาย (2024)

นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะยังไม่ต้องดูเนื้อหาของ MoU ก็ได้ เอาแค่ข้อเท็จจริงที่ว่า กระทรวงดีอี (หรือกระทรวงไหนก็ตาม) ของไทย ยอมลงนามในบันทึกความเข้าใจกับกองทุนนิรนามซึ่งจงใจใช้โครงสร้าง VCC (Variable Capital Company) ของสิงคโปร์ เพื่อปิดบัง “เจ้าของ” ที่แท้จริง (อ่านวิธีใช้โครงสร้างสมัยใหม่นี้ในการ “ซุกหุ้น” ได้ในบทความก่อนหน้านี้ของผู้เขียน) ก็มากพอแล้วที่จะทำให้ MoU ฉบับนี้เป็น “MoU อัปยศ”

เพราะผิดปกติและผิดวิสัยของหน่วยงานรัฐอย่างยิ่ง ที่จะลงนามในเอกสารใดๆ ก็ตาม (แม้จะไม่มีข้อผูกมัดทางกฎหมาย) ซึ่งไม่ปรากฎแม้กระทั่งว่า “ตัวตน” ที่แท้จริงของผู้มาลงนามร่วมมือกับหน่วยงานนั้นๆ คือใคร!

น่าตกใจเข้าไปอีก เมื่อเนื้อหาใน MoU ฉบับนี้ อนุญาตให้ “กองทุนนิรนาม” ทำเรื่องที่ใหญ่มาก นั่นคือ อนุญาตให้เอกชนนิรนามเจ้านั้นมาสร้าง Digital Economy Regulatory Sandbox (“DERS”) และ Thailand International Digital Business & Finance Centre (“TIDC”) ขึ้นมาเป็น “ห้องทดลองผลิตภัณฑ์” และ “คนเฝ้าประตู” (gatekeeper)

เอกชนที่ก่อตั้งและจัดการ DERS สามารถทดลองอะไรก็ได้ใน “sandbox” โดยไม่ต้องกลัวว่าจะผิดกฎหมาย เพราะได้รับการรองรับสนับสนุนอย่างเป็นทางการจากกระทรวงดีอี

ส่วน TIDC ดูจากโครงสร้างแล้วก็สามารถ “เก็บค่าต๋ง” จากใครก็ตามที่อยากทำกิจกรรมและธุรกิจทั้งหลายทั้งปวงภายใต้คำว่า “เศรษฐกิจดิจิทัล” (digital economy)

-- เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถ้ากระทรวงดีอีอยากทำ โดยหลักการจำเป็นจะต้องดำเนินกระบวนการประมูลและคัดกรองอย่างเข้มข้น เฟ้นหา “บริษัทเอกชน” ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญระดับโลก ที่จะเข้ามาช่วยวางโครงสร้างและทำสิ่งต่างๆ อย่างครอบจักรวาล ตามที่ระบุใน MoU

ไม่ใช่ไปมุบมิบทำ MoU กับกองทุนนิรนาม ใช้โครงสร้าง VCC อำพรางเจ้าของที่แท้จริงแบบนี้!

บางคนอาจคิดในแง่ดีว่า แม้จะดูแย่เพียงใด แต่เอกสารฉบับนี้ก็เป็นเพียง “บันทึกความเข้าใจ” ไม่มีผลทางกฎหมาย ในความเป็นจริงกิจกรรมต่างๆ ที่ระบุใน MoU อาจยังไม่เกิดขึ้นก็เป็นได้

แต่โชคร้ายที่วันนี้ชัดเจนว่าโครงสร้างตาม MoU ได้เกิดขึ้นแล้ว โดยมีการก่อตั้งบริษัท TIDC ขึ้นมาจริงๆ สามแห่ง ระหว่างเดือน พฤษภาคม 2024 และ มกราคม 2025 ได้แก่บริษัท TIDC Worldverse, TIDC Holdings และ TIDC จำกัด โดยใช้โครงสร้างการถือหุ้นซับซ้อน

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของกลุ่มนี้ คือ Prime Opportunity Fund VCC ซึ่งก็คือ “กองทุนนิรนาม” ที่ลงนามใน MoU อับยศ และ รีวิน เพทายบรรลือ

รีวิน คือนักธุรกิจและนักการเงินผู้ก่อตั้งกลุ่มการเงิน PrimeStreet Advisory ซึ่งบริษัทนี้เคยถือหุ้นระยะเริ่มต้น 25% ใน BIC Bank Cambodia ธนาคารกัมพูชาของ ยิม เลียก ตัวละครหลักใน #มหากาพย์นายหน้า และรีวินเองก็เคยดำรงตำแหน่งกรรมการในธนาคารแห่งนี้ ระหว่างปี 2018-2019 ช่วงที่บริษัทของเขาถือหุ้นในธนาคาร

ชื่อของ Capital Asia Investments (CAI) กองทุนสิงคโปร์และนิติบุคคลหลักที่ เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ใช้ในการเข้ามาถือหุ้นกิจการต่างๆ ในไทย ไม่ปรากฏเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทใดๆ ในกลุ่ม TIDC แต่น่าสังเกตอย่างยิ่งว่า ทั้งสามบริษัทในกลุ่มนี้ ล้วนมีชื่อ จอร์จ ทาน (George Tan) ซีอีโอของ CAI เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามในบริษัท (ดูแผนผังด้านล่าง)

ดังนั้นข้อกล่าวหาในบทความของสองนักข่าวเจาะที่ว่า เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ อยู่เบื้องหลัง Prime Opportunity Fund VCC จึง “มีน้ำหนัก” อย่างยิ่ง!

เว็บไซต์ TIDC ระบุชัดเจนว่า บริษัทวางเป้าว่าจะเป็น “Accelerator of Thailand’s Digital Economy” และได้รับการสนับสนุนจากระทรวงดีอี และ NT Telecom รัฐวิสาหกิจโทรคมนาคมของรัฐ และในหน้าข่าวบนเว็บเดียวกัน ก็ปรากฏว่า TIDC ประกาศความร่วมมือกับบริษัทเอกชนอื่นๆ ไปแล้วหลายแห่ง อาทิ DTC, LIMIX และ G42 เป็นต้น

ในเมื่อ TIDC องค์ประกอบสำคัญใน MoU ถูกก่อตั้งและดำเนินกิจการแล้ว คำถามใหญ่ที่กระทรวงดีอีต้องตอบคนไทยให้ได้ก็คือ กระทรวงไปลงนามใน MoU อัปยศ กับกองทุนนิรนามเจ้านี้ทำไม? และ กิจกรรมอื่นๆ ที่เนื้อหา MoU ระบุว่ากระทรวงจะร่วมทำ เช่น การก่อตั้ง Digital Economy Regulatory Sandbox (“DERS”) และการอนุญาตให้นำเข้า “IT Specialists” หรือผู้เชี่ยวชาญไอที มากถึง 500 คน ในโครงการนี้ – ถึงวันนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว เหมือนอย่างที่ TIDC ถือกำเนิดขึ้นแล้ว หรือไม่ ?

คนที่ต้องตอบคำถามนี้ไม่ได้มีแต่ ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีกระทรวงดีอีในปี 2024 ที่มีการลงนาม MoU เท่านั้น แต่ ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ซึ่งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงดีอีในช่วงเวลาเดียวกัน ก็ต้องตอบคำถามเช่นเดียวกัน

โดยเฉพาะในเมื่อตำแหน่งปัจจุบันของเขาคือ ประธานกรรมการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หน่วยงานหลักที่ยังไม่รายงานความคืบหน้าใดๆ ให้สาธารณชนรับทราบ ถึงการสอบสวน #มหากาพย์นายหน้า ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้น และตลาดคริปโตภายใต้การกำกับดูแล
Sarinee Achavanuntakul - สฤณี อาชวานันทกุล

ฉบับโพสลงบล็อก พร้อม URL แหล่งอ้างอิง -- https://fringer.co/mou-de-tidc/

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1408300290665654&set=a.213364210159274