ลือหึ่งแบ่งเค้กไม่ลงตัว! "ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย-ชาติไทยพัฒนา" ผนึกกำลังชิงตั้งรัฐบาล
9 พ.ค. 62
Sanook.com
9 พ.ค. 62 - แหล่งข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร. ) ประกาศว่าสามารถรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้เสียงเกิน 250 เสียง โดยตำแหน่งนายกฯ รมว.มหาดไทย รมว.กลาโหม และ รมต.กระทรวงเศรษฐกิจเดิมทั้งหมดอยู่กับ พปชร. และมอบ 6 เก้าอี้ให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย รวมทั้งยังมอบ 2 เก้าอี้ให้พรรคชาติไทยพัฒนานั้น
แกนนำพรรคประชาธิปัตย์รู้สึกแปลกใจกับกระแสข่าวที่เกิดขึ้น และอยากเรียกร้องให้เจ้าของพรรคตัวจริงของ พปชร. คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาเปิดโต๊ะเจรจากับแกนนำพรรคการเมืองต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข่าวโดยตรง ขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้คุยกับแกนนำ พปชร.ตัวจริงในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะ ปชป.จะคุยเรื่องเหล่านี้ภายหลังคัดเลือกหัวหน้าพรรคแล้วเสร็จภายในวันที่ 15 พ.ค. เสียก่อน
นอกจากนี้ ยังไม่เห็นด้วยกับกรณีที่ พปชร. ระบุจะเก็บกระทรวงเศรษฐกิจไว้ทั้งหมด เพราะอาจจะกระทบต่อความเชื่อมั่นจากประชาชนต่อรัฐบาลในอนาคต รวมทั้งยังเปิดช่องให้ถูกโจมตีจากฝ่ายการเมืองฝั่งตรงข้าม เพราะตลอดระยะเวลาการบริหารงานของรัฐบาล คสช. 5 ปีที่ผ่านมา พบว่าประชาชนระดับล่างและกลางได้รับความยากจนเป็นวงกว้าง เห็นได้ชัดจากการเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้า และยอดคนขึ้นทะเบียนคนจนมากขึ้นจาก 11.4 ล้านคนเป็น 14.5 ล้านคน ดังนั้นหาก พปชร. ไม่ยอมคลายกระทรวงเศรษฐกิจเหล่านี้ให้พรรคการเมืองต่างๆ อาจเกิดปัญหา และพรรคการเมืองต่างๆ ก็ไม่สามารถดำเนินนโยบายที่ประกาศไว้ตอนหาเสียงกับประชาชนได้
>> ลือสนั่นแบ่งเค้กจบแล้ว! เปิดโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีในรัฐบาลพลังประชารัฐ
แหล่งข่าวจาก ปชป. กล่าวต่อว่า ขณะที่สูตรการจัดตั้งรัฐบาลที่ถูกปล่อยออกมา ก็ไม่ถูกต้องทั้งหลักการและประเพณีปฏิบัติ เพราะ พปชร. มีเสียงเพียง 115 เสียงเท่านั้น แต่กลับยึดกระทรวงหลักไว้ทั้งหมด ทั้งกระทรวงความมั่นคงและเศรษฐกิจ แตกต่างจากสมัยพรรคประชาธิปัตย์ในปี 52 ที่เสียงในมือมากถึง 163 เสียง แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคในขณะนั้น ใจถึงยอมมอบเก้าอี้สำคัญให้พรรคร่วมรัฐบาลต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนเนวินจำนวน 29 เสียง ก่อนไปกำเนิดเป็นพรรคภูมิใจไทย ได้เก้าอี้สำคัญอย่างกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงคมนาคม เป็นต้น ก่อนที่จะผลักดัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ ได้สำเร็จ ดังนั้น เงื่อนไขที่ พปชร.ปล่อยออกมา จึงยากที่จะยอมรับได้
นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวว่าหาก พปชร. ยังไม่ยอมคลายกระทรวงสำคัญ พรรคประชาธิปัตย์ 52 เสียง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) 51 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) 10 เสียง รวมกันประมาณ 113 เสียง จะอาสาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเป็นขั้วที่ 3 ไปเชิญชวนพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทย และยังถือเป็นสูตรการเมืองขั้วที่ 3 ที่ไม่มีความขัดแย้งกับใคร พร้อมเปิดกว้างการร่วมรัฐบาลกับทุกฝ่าย ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการยอมรับจากพรรคการเมืองต่างๆ และถือเป็นอีกหนึ่งทางออกของประเทศได้อีกด้วย
ขอขอบคุณ
ภาพ :iStock