ปฏิบัติการเตะตัดแข้งคู่แข่ง เพื่อกลับมาครองเมืองอีกครั้งอย่างสะดวกโยธินของ
คสช. ขยับเข้าไปอีกคืบ ถึงจุดที่ลิ่วล้ออย่าง
กกต.เปิดศึกกับสื่อมวลชนและคนที่วิจารณ์
วานนี้ (๗ เมษายน) ร่อนประกาศ “ชี้แจงการรักษาสิทธิตามกฎหมาย...กรณี
กกต.ฟ้องหมิ่นประมาทผู้ที่เผยแพร่และแชร์ข้อความเกี่ยวกับการทำงานของ กกต.” บอกว่าการวิพากษ์วิจารณ์น่ะทำได้
แต่ต้องไม่เป็นการดูหมิ่น เหยียดหยาม
อ้างว่า “กกต.ได้รับความเสียหาย
จากการกล่าวถ้อยคำและข้อความอันเป็นเท็จ” น่าสังเกตุว่าโพสต์ประกาศของ กกต.นี้
มีแค้ปเจอร์ภาพข้อความทวีตของ จาตุรนต์ ฉายแสง ข่าวออนไลน์ มติชน และโพสต์ของ ‘ยิ่งชีพ’ (อัชฌานนท์) แห่ง ‘ไอลอว์’
วันเดียวกันมีข่าวว่า กกต. แจ้งความเอาผิด
พริษฐ์ ชีวารักษ์ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ “ในข้อหาหมิ่นประมาท
เพราะได้ไปปราศรัยวิจารณ์การทำงานของ กกต.ที่งานชุมนุม หยุดโกงเลือกตั้ง
เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว”
ซึ่ง @moui
ราชินีทวิตเตอร์ไทยคอมเม้นต์ว่า “ส่ออาการเมาหมัดมาก ชกไม่เลือกรุ่นเลย”
จึงโดน ‘เพ็นกวิน’ ย้อนเกล็ดให้
“ผมขออนุญาตแนะนำให้ กกต. ทั้ง ๗ ท่านได้ไปเรียนวิชาการบริหารเวลาเพิ่มเติม...ควรจะเอาเวลาไปรีบทำภารกิจหลักของตัวเองให้เสร็จ
มากกว่าจะมาแจ้งความคนที่วิพากษ์วิจารณ์ตัวเองครับ”
เขาว่างานหลัก กกต.อยู่ที่ ต้อง “รีบรับรองผลการเลือกตั้งให้ทันภายในวันที่
๙ พฤษภาคม” และ “โปรดอย่าลืมว่าเงินเดือนและงบประมาณของพวกท่านล้วนแล้วแต่มาจากภาษีประชาชน
ดังนั้นประชาชนก็ต้องมีสิทธิวิจารณ์พวกท่านทุกคนครับ”
ดังนั้นพริษฐ์ประกาศว่า “จะไปฟ้องดำเนินคดีกับท่านทั้ง
๗ คนเหมือนกัน ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบ (ป.อ.๑๕๗) เพราะการเลือกตั้งที่พวกท่านจัดนั้นไม่มีความสุจริตและเที่ยงธรรมแม้แต่น้อย”
โดยชวนประชาชนไปร่วมเปิด ‘แคมเปญ #กกตต้องติดคุก’
วันที่ ๑๐ เมษานี้
นักกิจกรรมตัวแทนคนรุ่นใหม่อีกราย เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล
แห่งคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ จัดกิจกรรมประณาม กกต. ด้วยเช่นกัน เมื่อ ๖ เมษา เรียกว่า ‘สหบาทา กกต.’ ตรงบริเวณลานหน้าหอศิลป์กรุงเทพฯ ด้วยการนำรองเท้า ๑๐๐ คู่ที่ยืมเพื่อนๆ
มาเรียงกันเป็นตัวอักษร ‘ก ก ต’
รายการประจาน
กกต.ด้วยงานศิลปะของ ‘เนเน่’ รวบรัดใช้เวลาเพียง ๒๐ นาฑีกว่าๆ
พอเรียงรองเท้าเสร็จก็ไปยืนเรียงแถวกัน ชู ๓ นิ้วแล้วก็ยุติกิจกรรม
ทั้งนี้เนื่องจากมีตำรวจหลายนายไปเฝ้ากดดันให้เลิกไวๆ
ทั้งกิจกรรมของเนเน่และเพ็นกวินชวนให้ผู้อยู่ในวัยสูงอายุ
ที่ติดตามการเมืองด้วยจิตคารวะต่อการแสดงออกเรื่องสิทธิมนุษยชน
เกิดอารมณ์ชื่นมื่นขบขันกับความกล้าหาญใจสู้ของคนรุ่นใหม่เหล่านี้ แต่สิ่งที่ กกต.
ทำไม่ใช่เรื่องตลก
อาการ ‘โกง’ ของ กกต. เป็นที่รับรู้และกล่าวถึงกันไปทั่วโลก
ดูได้จากข่าวรอยเตอร์ล่าสุดเมื่อวันที่ ๗ เมษา เหมือนกัน เขาพูดถึง ‘Abnormal
Election’ ในการจัดสรรที่นั่งในสภาให้แก่พรรคเล็กพรรคน้อย ทั้งที่
๑๑ พรรคเหล่านั้นได้รับคะแนนเลือกตั้งไม่ถึงเกณฑ์อันควรได้แม้แต่ที่นั่งเดียว
“มันเป็นการเลือกตั้ง ไม่สมประกอบ
มาตั้งแต่ต้นแล้ว” รอยเตอร์ยังพูดถึงการตั้งข้อหา ‘Sedition’ หรือการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐ ที่ใช้ถ้อยคำในกฎหมายไทยว่า ‘ยุยงปลุกปั่น’ ดังที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เพิ่งจะโดนย้อนหลังไปยังปี
๒๕๕๘ ที่อาจทำให้พรรคของเขาถูกยุบได้
ไม่ว่า พ.อ.วินธัย สุวารีจะอ้างว่าคดีนี้ “ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง”
รอยเตอร์ชี้ว่าการรณรงค์ใส่ข้อหาหมิ่นกษัตริย์ต่อฝ่ายตรงข้ามกับ ‘ฮุนต้า’ เผด็จการทหารไทย ถูกโจมตีว่า
“เป็นเจตนาของผู้มีอำนาจในการกระตุ้นความเกลียดชัง
ความหวาดกลัว ให้เกิดขึ้นในหมู่ประชากร เป็นช่องทางสร้างความชอบธรรมที่คณะทหารจะครองอำนาจกันต่อไป”
สื่อบางสำนักออกอาการการรณรงค์ป้ายสีสองแกนนำพรรคอนาคตใหม่อย่างเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะเครือเนชั่นที่ปัจจุบันครอบครองโดย ‘นิวส์
เน็ตเวิร์ค’ ซึ่งนายมีชัย ฤชุพันธุ์เป็นประธาน มีผู้บริหารจากทีมของทีนิวส์
และภรรยาของฉาย บุนนาค กรรมการคนหนึ่ง เป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ
ความพยายามถล่ม ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
และปิยบุตร แสงกนกกุล ของ เนชั่น ไม่เพียงโหมโจมตีในช่องทางของตน
แต่ก้าวก่ายไปให้ร้ายสื่อทีวีช่องอื่นที่จัดรายการสัมภาษณ์ธนาธร-ปิยบุตรด้วย
เนชั่นจัดทำโพลที่จะดิสเครดิตอมรินทร์ทีวี
ตั้งคำถามว่า “เหมาะสมหรือไม่ ที่อมรินทร์ทีวีเปิดพื้นที่ให้
ธนาธรและปิยบุตร เสนอความคิด ที่อาจส่งผลเป็นภัยต่อความมั่นคง” ปรากฏว่า ผู้ตอบ ๙๐
เปอร์เซ็นต์เห็นว่า ‘เหมาะสม’ กลายเป็นการ “โดนตบคว่ำคาบ้านตัวเอง” ไปเสียฉิบ
อย่างไรก็ดี
อมรินทร์ทีวีนี้แต่เดิมเป็นของบริษัทอมรินทร์พริ้นติ้ง เมื่อไม่นานมานี้ประสพปัญหาขาดทุนต่อเนื่อง
กระทั่งขายหุ้น ๖๐ เปอร์เซ็นต์ให้แก่ เจริญ ศิริวัฒนภักดี
(ทำนองเดียวกับที่สุทธิชัย หยุ่น ขายเนชั่นให้นิวส์)
ด้านการแข่งขันในเชิงธุรกิจจัดว่า นิวส์
หาญกล้าก้าวร้าวต่อเสี่ยเจริญ แต่ในแวดวงของผู้เทิดทูน ชาติ ศาสน์ กษัตริย์
เหนือใครอื่น อมรินทร์พริ้นติ้งเคยเป็นบริษัทมหาชนที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙
และพระเทพรัตนราชสุดาถือหุ้นอยู่จำนวนหนึ่ง
ปรากฏการณ์เนชั่นฟัดอมรินทร์เกิดขึ้นมาเพราะความต้องการทำร้ายทำลายพรรคอนาคตใหม่โดยแท้