วันจันทร์, มิถุนายน 04, 2561

จะสองปี คดีลูกปรีชาหลานประยุทธ์ 'จับเสือมือเปล่า' รับเหมา ปปช.สอบได้แค่ “ยังแสวงหาข้อเท็จจริง”


อิศราบ่น ปปช. เชื่องช้า ถ้าสอบเรื่องไม่ชอบมาพากลของทหารที่ใกล้ชิดรัฐบาล คสช. “แตกต่างจากคดีของนักการเมือง หรือคดีทุจริตของข้าราชการบางฝ่าย ที่ ป.ป.ช. ดำเนินการไปอย่างรวดเร็ว”

ต่อกรณีนายปฐมพล จันทร์โอชา บุตรชายคนโต พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชาย ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดบริษัทรับเหมางานก่อสร้างของทางราชการ

“ไม่มีที่ดินและสำนักงาน มีเพียงอุปกรณ์และพาหนะเพียง ๑,๗๗๗,๗๕๖ บาท” แต่ใช้สถานที่ดำเนินการ เป็นบ้านพักในค่ายทหาร “หจก.คอนเทมโพรารีฯ ตั้งอยู่ที่ ๑๒๘/๓๑/๐๐๗ ม.๒ ต.อรัญญิก อ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก ที่ตั้งดังกล่าวอยู่ในค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ (สนามบิน) ของกองทัพภาคที่ ๓”

แม้ในปี ๕๙ จะมีผู้ถือหุ้น ๓ คน ลงทุนดำเนินการคนละล้าน ปัจจุบันย้ายที่ทำการมาอยู่เลขที่ ๑๖๐/๑๙ หมู่ที่ ๕ ตำบลอรัญญิกเช่นเดิม “แม้สำนักข่าวอิศราจะเคยถามเน้นย้ำถึงข้อเท็จจริงว่า ตกลงที่พักดังกล่าวเป็นบ้าน หรือเป็นออฟฟิศ และมีลักษณะอย่างไร” ก็ไม่เคยได้รับคำตอบ

ช่วงปี ๒๕๕๗-๕๙ ผู้เป็นบิดาของนายปฐมพลก้าวหน้าทางการงานจากการเป็นแม่ทัพภาค ๓ ไปสู่ตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ทบ. และปลัดกระทรวงกลาโหม เช่นเดียวกับลูกชายก็เจริญรวดเร็ว (เป็นพวง) ได้รับงานว่าจ้างก่อสร้างทั้งของกองทัพบก (ภาค ๓) และราชการอื่นรวม ๑๖ รายการ มูลค่าเกือบ ๑๖๙ ล้านบาท

ครั้นเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ ก็ปรากฏว่าบริษัทคอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ของนายปฐมพลรับงานก่อสร้างโรงพยาบาลสองแห่งเพิ่มอีก หลังหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ดวงเงิน ๖๔ ล้านบาท อีกหลังของ รพ.สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ วงเงิน ๗๓ ล้านบาท

รวมเป็นมูลค่ารับเหมางานจากราชการของบริษัทลูกชายน้องนายกฯ รัฐประหาร ทั้งสิ้น ๓๐๕,๙๗๙,๐๐๐ บาท ที่สำนักข่าวอิศราทวงถามไปยัง ปปช. ว่าเรื่องไปถึงไหน จะสองปีแล้ว

“ผู้บริหารระดับสูงใน ป.ป.ช. ก็ไม่ยอม ‘ปริปาก’ บอก แต่ทำทีเหมือนกับว่า ยังอยู่ในช่วงแสวงหาข้อเท็จจริงอยู่ ไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้”

อิศราตั้งข้อสงสัยว่า “เกิดเหตุอะไรบางอย่างในชั้นการแสวงหาข้อเท็จจริง ทำให้คดีดังกล่าวยังคงไม่คืบหน้า” ก็เป็นได้

“คล้ายคลึงกับกรณีก่อนหน้านี้ ที่สำนักข่าวอิศราตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินของ พล.อ.ปรีชา พบว่า มีการกรอกบัญชีเงินฝากไม่ตรงกัน และมีเงินไหลเวียนในบัญชีเงินฝากของนางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ที่มีจำนวนหลายสิบล้านบาท ทั้งที่ไม่ระบุว่ามีรายได้หรือทำงานแต่อย่างใด”
 
เรื่องนั้นคงรู้กันว่ามีการตรวจสอบแล้ว “ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ว่า การยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯของ พล.อ.ปรีชา ดำเนินการอย่างถูกต้อง และไม่ยอมสอบกรณีเงินไหลเวียนในบัญชีเงินฝากของนางผ่องพรรณต่อ โดยอ้างว่าเรื่องจบไปแล้ว”

แต่ครั้นสำนักข่าวอิศราขอดูสำนวนการไต่สวน ตามสิทธิมีระบุไว้ใน พรบ. ข้อมูลข่าวสาร ปปช.อิดเอื้อนและปฏิเสธ จนต้องยื่นอุทธรณ์กัน ท้ายสุดเมื่อ ปปช.จำยอม ก็ส่งสำนวนให้ช้าไปแล้ว ๒ ปี

“สะท้อนให้เห็นวิธีการทำงานของสำนักงาน ป.ป.ช. ภายใต้ยุครัฐบาลทหาร” อิศราว่าถ้าเป็นเรื่องตรวจสอบนายทหารระดับสูงของ คสช.ละก็ “จะดำเนินการในทางลับ ไม่กล้าออกมาให้ข้อมูลต่อสื่อมากนัก”


ลักษณะเช่นนี้ ที่ ปปช.หงอต่อ คสช. ปรากฏชัดในกรณีนาฬิกายี่สิบกว่าเรือนของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จนกระทั่งวันนี้ ปปช.ยังไม่มีคำตอบให้แก่สาธารณชน มีแต่ข้ออ้างข้างๆ คูๆ ของผู้ตกเป็นจำเลยสังคมว่า “แหวนแม่ให้มา นาฬิกาเพื่อนให้ยืม” ซึ่งใช้เป็นข้ออ้างหลักฐานแสดงความบริสุทธิ์ไม่ได้

คดีของนายปฐมพลลูกชายคนโตของพล.อ.ปรีชา ก็เช่นกัน สองปีแล้วยังไม่มีผลสอบ ไม่เห็นสำนวน ซ้ำยังมีเส้นทางของการกระทำที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่า น่าจะมีการเอื้อประโยชน์ต่อผู้มีอิทธิพลในแวดวงนายทหาร

บริษัทที่ลงทุนดำเนินการเพียง ๓ ล้าน แต่รับงานราชการมูลค่ากว่า ๓๐๐ ล้าน ซ้ำยังไม่ปรากฏเครื่องมืออุปกรณ์ใดๆ นอกจากรถปิ๊กอัพ ๑ คัน อย่างนี้เสือนอนกินแน่ๆ จะสองปีแล้ว ปปช.ตอบได้แค่ “ยังแสวงหาข้อเท็จจริง”