วันเสาร์, มิถุนายน 23, 2561

พลเมือง 'แพ้' นปช. 'พ่าย' ของตายคดีฟ้องรัฐประหารและสลายชุมนุม ๕๓ ไม่เป็นไรจนกว่า "วันของประชาชนมาถึง"


สองคดีต่อฝ่ายรัฐประหาร ที่พลเมืองและประชาชน พ่ายไปตามเชิง ทั้งด้วยรัฐธรรมนูญและศาลที่ยังเอื้อต่อผู้ยึดอำนาจ จึงไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจอีกต่อไป และมุ่งหน้าตามคำปาวารณาของ อานนท์ นำภา “เมื่อวันของประชาชนมาถึง เราจะร่วมชำระคดี...อีกครั้ง”

๒๒ มิถุนา ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ ไม่รับคำฟ้องของกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ที่กล่าวหา คสช.มีความผิดฐานก่อการกบฏ ทำรัฐประหารเมื่อ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ตามบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๓

ศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชนแยกแยะรายละเอียดคำตัดสินของศาลไว้เป็นจะเป็นโกลนโดยสรุปดังนี้

ต่อคำฟ้องที่ว่ามาตรา ๔๗ และ ๔๘ แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว (ของ คสช.) พ.ศ.๒๕๕๗ ไม่มีสภาพเป็นกฎหมาย เนื่องจาก “บุคคลหาอาจถือเอาประโยชน์จากความฉ้อฉลที่ตนได้ก่อขึ้น หาอาจเรียกร้องใดบนความอยุติธรรมของตน หาได้รับยกเว้นความรับผิดจากอาชญากรรมของตัวเองได้” นั้น

ศาลเห็นว่า ในเมื่อคณะรัฐประหารได้ยึดอำนาจ “อย่างเบ็ดเสร็จ” แล้ว ไม่มีคณะรัฐมนตรี ไม่มีวุฒิสภา ไม่มีสถาบันนิติบัญญัติ มีแต่คณะรัฐประหารที่ “ใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์” ดังนั้น รัฐธรรมนูญชั่วคราวของผู้ยึดอำนาจจึงมีสถานะเป็นกฎหมาย

ศาลยังยกเอาเนื้อความตามมาตรา ๔๘ ที่ผู้ฟ้องร้องให้เป็นโมฆะนั้นมาอ้างอีกด้วยว่า การกระทำต่างๆ ของคณะรัฐประหารและผู้ปฏิบัติตามการบังคับบัญชา “หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมาย ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง”

ไม่เท่านั้นศาลได้นำเอาบทบัญญัติมาตรา ๒๗๙ แห่งรัฐธรรมนูญ (ฉบับ คสช. สั่ง) ที่รับรองการออกคำสั่ง ระเบียบข้อบังคับต่างๆ ทางกฎหมายของ คสช. รวมทั้งที่จะออก ต่อไป(ในภายภาคหน้า) ตามมาตรา ๒๖๕ วรรคสอง ล้วนถือว่า “ชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้และกฏหมาย” ทั้งสิ้น

ส่วนประเด็นที่สอง “ที่โจทก์ทั้งสิบห้าฎีกาเรื่องที่ศาลยกฟ้องโดยไม่ไต่สวนมูลฟ้อง ตามประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๑๖ () เป็นการข้ามขั้นตอนกระบวนการพิจารณา” ถือว่าเป็นการไม่ชอบ

ศาลอ้างกฎหมายอาญามาตรา ๑๘๕ ที่ให้อำนาจศาล “ชอบที่จะยกฟ้องได้เลย โดยไม่จำต้องไต่สวนมูลฟ้องและประทับรับฟ้องก่อน ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสิบห้านั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ทั้งสิบห้าฟังไม่ขึ้น”

 
รวมความว่าการตัดสินของศาลฎีกาครั้งนี้ใช้เหตุผลในการไม่รับฟ้อง วนเวียนอยู่กับหลักการที่ว่า รัฐประหารทำให้ผู้ยึดอำนาจเป็นรัฏฐาธิปัตย์ เพราะสามารถกำจัดกวาดล้างองค์กรทางประชาธิปไตยได้อย่างเบ็ดเสร็จ เช่นเดียวกับอำนาจในการวินิจฉัยของศาล

ต่อไปภายหน้า เมื่อวันของประชาชนมาถึง เราคงอ้างถึงศาลนี้ได้ว่าเป็น ศาลรัฐประหารหรือถ้าจะจำเพาะเจาะจงลงไปก็ได้ว่า ศาล คสช.

อีกคดีเป็นข้อวินิจฉัยขององค์กรอิสระ ที่เรียกกันติดปากว่า ปปช. หรือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งมักจะ ป้องคณะทหารที่ยึดอำนาจ และไม่ ปราม ผู้ต้องหาที่เป็นชนชั้นนำ –อำมาตย์ หรือวงวานว่านเครือ พวกพ้องคณะยึดอำนาจ แต่ ปราบ แหลกกับเส้นสายหรือผุ้สนับสนุนรัฐบาลชุดที่ถูกทหารยึดอำนาจ

คดีที่กลุ่มแกนนำ นปช. หรือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ เรียกร้องให้ ปปช.รื้อฟื้นการสั่งสลายชุมนุมการเมืองเมื่อปี ๒๕๕๓ ที่มีผุ้ชุมนุมโดนกระสุนจริงยิงตายกว่า ๙๐ ราย ผู้ยื่นคำร้องเช่น จตุพร พรหมณ์พันธุ์ และณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มอบพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีก ๔ รายการไปกับคำร้อง ๔ ประเด็น
 
ปปช.โดยเลขาฯ วรวิทย์ สุขบุญ แถลงว่าจะไม่รื้อคดีขึ้นมาอีก ในกรณีที่เป็นความรับผิดชอบของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะเกิดเหตุ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในตำแหน่ง ผอ. สอฉ. ผู้สั่งการในขณะนั้น

แต่ถ้าจะมีการร้องเรียนไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ ดีเอสไอ ให้ดำเนินการสอบสวนเอาผิดแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ใช้กระสุนจริงยิงผู้ชุมนุม ก็ (เชิญเลย) ย่อมทำได้

เหตุผลที่ ปปช.ใช้ประกอบการวินิจฉัยว่าการสลายชุมนุมที่มีคนตายใกล้ร้อย (ส่วนใหญ่ด้วยกระสุนสงคราม) นั้นผู้สั่งการกระทำไปด้วยความชอบธรรม ตามครรลองสากลเสียด้วย
 
แต่ถ้าเทียบกับการสลายชุมนุมก่อนหน้านั้นสองปี มีคนตายสองคน คนหนึ่งเป็นผู้ชุมนุมถูกสะเก็ดแก๊สน้ำตา แต่บาดแผลใต้ราวนมเหวอะหวะเพราะล้มลงกระแทกระเบิดปิงปองในย่าม กับอีกคนเป็นตำรวจที่ไปร่วมชุมนุม พยายามขับรถจี๊บที่มีระเบิดแสวงเครื่องติดอยู่พุ่งเข้าไปยังสำนักงานพรรคชาติไทย ร่างแหลกตายคารถ

คดีนี้คนสั่งสลายผิดมหันต์ เพราะ “ไม่มีการกำหนดแนวทางปฏิบัติต่อผู้ชุมนุม” ระหว่างการสลาย “ไม่สั่งการให้มีการปรับเปลี่ยนวิธีปฏิบัติ” และอันนี้สำมะคัญยิ่ง “ไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าผู้ชุมนุมมีอาวุธ” คงเป็นด้วยเขาถือว่าระเบิดแสวงเครื่องกับระเบิดปิงปอง ไม่ใช่อาวุธ

หรือไม่ก็ระเบิดไปหมดแล้ว (ถึงได้ตายไง) เลยไม่มีหลักฐานหลงเหลือพอให้วินิจฉัยได้ว่าเป็นของใคร ที่อยู่กับตัวผู้ตาย ปปชงจึงสรุปว่า ไม่มีอาวุธ

สนใจรายละเอียดยิบยับในถ้อยคำพร่ำพรรณนาของ ปปช. ตามไปอ่านรายงานของอิศราที่ https://www.isranews.org/isranews/67073-isranews_67073.html