วันจันทร์, มิถุนายน 04, 2561

"วันนี้ประชาชนมาไกลแล้วครับ จับทางการโกหกกลอกลวงด้วยซีนร้องไห้ของคุณ...ได้มานานแล้ว” คำคมของใคร

“โอ้น้ำตาหรือจะแก้ปัญหาใจ” เนื้อเพลงเก่าแก่ของ ศรวณี โพธิเทศ ซึ่งว่าถึงการพลัดพรากจากคนรัก คงเอามาใช้กับการร้องไห้ของ สุเทือก ณ กปปส.ไม่ได้ ในเมื่อใครๆ ก็เห็นว่านั่นเป็นการบีบน้ำตาอีกครั้งทางการเมืองของ ลุงกำนัน

เฉกเช่นที่ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตโฆษก กปปส. เคยประกาศไว้ แล้วนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พ่อบุญธรรมของ ขิงเองนำไปป่าวร้องโฆษณาบนหน้าเฟชบุ๊คของตน

“...เลิกร้องไห้ เล่นละครตบตาประชาชนได้แล้ว เลิกใช้ทักษะเดิมๆ ทำซํ้าแล้วซํ้าอีกเพื่อประโยชน์ทางการเมืองได้แล้ว

วันนี้ประชาชนมาไกลแล้วครับ จับทางการโกหกกลอกลวงด้วยซีนร้องไห้ของคุณ...ได้มานานแล้ว”

(จากโพสต์ของ Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ) เมื่อ December 10, 2013 ขออนุญาตคัดชื่อบุคคลที่เอกนัฏเอ่ยถึงออกไป เพื่อไม่ให้ผู้พูดหน้าเปื้อนเหมือนแหงนหน้าถ่มล้ำลาย)

พลัน สกู๊ปข่าว Exclusive ของไทยรัฐ ก็ ‘rises to the occasion’ เมื่อ ไทยรัฐออนไลน์   น. พาดหัวว่า “แปลกตรงไหน? ร้องไห้เรื่องธรรมดา 'สุเทพ' หลั่งน้ำตา ไม่ใช่ครั้งแรก”


ซึ่งไทยรัฐเน้นจากถ้อยคำของนายสุเทพในงานเปิดตัวการจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือ รปช. ตัวย่อสื่อความหมายใกล้เคียงกับทั้ง คสช. และ รปภ. ที่ตีความตามใจสไตล์ศาลไทยจะได้ว่าเป็น การ์ด คสช. ส่วนจะเหี้ยมเกรียมแบบการ์ด กปปส. เวทีแจ้งวัฒนะหรือไม่ ไม่แน่ใจ

ไม่ต้องพูดถึงว่าสุเทือกตระบัดคำของตนเองเมื่อ ๒ ธันวา ๕๖ “จบงานนี้ผมไม่เป็นนักการเมืองอีกแล้ว” วันนั้นเวลาสองทุ่มครึ่ง สุเทือกไม่ได้หลั่งน้ำตาพูดแต่ก็ทำให้ผู้ที่ตั้งใจฟังซึ้งใจเพราะตีบทแตก

ไม่อยากให้ครหาว่าแพ้ข้างในออกมาเล่นข้างนอก เมื่อชนะข้างนอกแล้วกลับไปข้างใน คนอย่างกำนันสุเทพจะไม่กลับไปเลือกตั้ง ไม่ใช่คนแบบนั้น และไม่กลับไปพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อีกแล้ว
 
ลุงกำนันไม่ได้ตระบัดสัตย์ (ทั้งหมด) เพราะป่านนี้ยังไม่กลับเข้าไป ปชป. ใครจะว่าจะเข้าไปยึดแล้วเห็นท่าจะยึดไม่ได้ เลยไม่เข้าก็ตามที และคงจะ “ไม่กลับไปเลือกตั้ง” ถ้าคำพูดของเขาที่ ม.รังสิต ยังเชื่อได้ว่า “ผมจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง”

เพียงแต่เขาปาวารณา “จะไม่อยู่เบื้องหลัง” ในพรรค รปช. นี้ “แต่ผมจะยืนเคียงข้าง...จะใช้รองเท้าคู่นี้เดินรณรงค์เชิญชวนประชาชนมาร่วมเป็นสมาชิกพรรค...จะเป็นส่วนหนึ่งของพรรคที่รักชาติ รักแผ่นดินไทย”

ซึ้งไหมล่ะ มันคล้องจองกับที่นาย เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ว่าที่หัวหน้าพรรคพรรณนาถึงสรรพคุณของ รปช. ว่า “เราจะปฏิรูป ไม่ปฏิวัติ ไม่โค่นล้ม ไม่ชิงชังใดๆ แต่เราจะทำการเมืองแบบรู้รักสามัคคี...

เราจะไม่เป็นลูกน้องใครทั้งสิ้น เราจะเป็นพรรคของพลเมือง เป็นพลเมืองที่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และปกป้องสิ่งดีงามทั้งหมดที่เรารักและเทิดทูน” 


แต่คำประกาศเคล้าน้ำตาของสุเทือกในครานี้ จะเป็นการตระบัดสัตย์ครั้งสุดท้ายตามคำวิงวอนของนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีต ส.ส. กทม.พรรคเพื่อไทยหรือไม่ ไม่ใช่สิ่งที่จะคาดหวังอะไร

ในเมื่อแม้แต่กรณีที่สุเทพเคยพูดว่าจะตั้งพรรคการเมืองและสนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง มีคลิปยืนยัน คนขุดขึ้นมาแชร์กันโจ้งๆ ตลอดเดือนที่ผ่านมา นายสุเทพยังแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ได้ว่าแค่สนับสนุนเรื่องเป็นนายกฯ ขณะนี้ ไม่ใช่เบื้องหน้า

มันไม่ได้เป็นการบังเอิญแต่อย่างใดที่นายสุเทพกลับคำพูด กลืนเสลดของตนเองบ่อยครั้งจากการร่ำไห้ประกอบฉากการปราศรัย โดยมุ่งหมายความได้เปรียบทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังเมื่อต้นปี ๕๗ ก่อนที่จะประสบความสำเร็จในการเรียกกองทัพออกมายึดอำนาจรัฐบาลยิ่งลักษณ์

โดน ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ที่ขณะนั้นรณรงค์ I'm No.5’ แซะเอาว่า “อย่าร้องไห้สะอึกสะอื้นไปเลยคุณสุเทพ กลับไปสุราษฎร์ฯ ดีกว่า อย่าเที่ยวเดินเชื้อเชิญแขกอีกต่อไปเลย หากคุณสุเทพยังทำแบบนี้อยู่ก็จะต้องร้องไห้อีก และอาจจะต้อง ร้องไห้ทั้งคืน อย่างที่คุณอภิสิทธิ์เคยร้องที่ราชประสงค์เมื่อหลายปีก่อนนั่นแหละ”

ฉันใดก็ฉันนั้น สถานการณ์เปลี่ยนไป คนไม่เปลี่ยน ร้องไห้ทั้งคืนคนก็ยังคงตายกว่า ๙๐ โดยไม่มีใครรับผิดชอบ ทั้งๆ ที่รู้ว่าใครบ้างที่มือเปื้อนเลือด คนที่ร้องไห้เก่งๆ ทั้งนั้น

คิดอีกที น่าที่จะย้อนไปดูเนื้อเพลงของศรวณีอีกท่อน ที่ว่า “นี่หัวใจเขาคงใกล้จะเป็นยักษ์มาร จึงคิดประหารผลาญชีวันด้วยการกระทำ” จับแพะชนแกะสื่อความ (เฉพาะ) ตามตัวอักษร คงได้ว่า พวกยักษ์มารนี่ชอบเสแสร้งหลั่งน้ำตากันเป็นสันดาน

(สำหรับมิตรรักนักเพลง ไม่เกี่ยวการเมือง ฟัง ศรวณี โพธิ์เทศ ได้ที่นี่ https://www.youtube.com/watch?v=N9jB_nSnTJQ)