ที่นี่ นักข่าวหน้าจอมอนิเตอร์ตามติดสถานการณ์
๖ วันของการค้นหา ‘ทีมหมูป่าอคาเดมี่’ ที่หายไปในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ยังไม่มีข่าวดี มีแต่กำลังใจจากนายกฯ (คนเก่งที่ถึงจะ
“ฉลาดบ้างนิดหน่อย” แต่ก็ “ขออย่าดูถูกกันมากนักเลย”) เอาไปมอบให้ถึงที่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.
บินจี๋ไปเชียงรายแต่เช้า (๒๙ มิ.ย.) เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และครอบครัวของเยาวชนที่ติดอยู่ในถ้ำ
(เท่านั้น) กำชับเด็ดขาดไม่ต้องมีรายงานสถานการณ์
ไม่ต้องจัดการต้อนรับให้เอิกเกริก
แต่ช่วยไม่ได้ ในตำแหน่งนายกฯ
(ที่ไม่ได้อยากเป็น หากฝืนใจมาช่วยชาติแท้ๆ
และเห็นท่าจะต้องอดทนช่วยต่ออีกสักสี่ซ้าห้าปี ถ้าพลังประชารัฐเขาดูดได้ผล)
ย่อมต้องมีหน่วยรักษาความปลอดภัยพร้อม K-9 ไปรอรับ
และทีม ทส.ติดตามสัก ๒๕ คน
“เวลา 07.59 น.
สุนัขตำรวจมารักษาความปลอดภัยนายกฯ แต่ไม่ได้มาช่วยการค้นหา ขณะที่นายกฯ
และรัฐมนตรีถึงสนามบินแม่ฟ้าหลวง เวลา 8.20 น. และเดินทางไป อ.แม่สาย เข้าพื้นที่”
@ThaiPBSNews รายงาน
วันนี้ดร่าม่าเรื่องสื่อซาลงไปเมื่อชัดเจนว่า
นักข่าวที่เข้าไปรายงานภายในสถานที่นั้นเจ้าหน้าที่อนุญาตให้เข้าไปเพื่อช่วยประชาสัมพันธ์
และไม่ได้กีดขวางการทำงานเนื่องจากเป็นบริเวณที่เปิดให้ถ่ายภาพและถ่ายทำแล้ว
แต่ว่าก็มีดราม่าของพวกเจ้านายฝ่ายตำหวดติดปลายนวมมาเล็กน้อย
เมื่อทั่นรอง ผบ.ตร. ไม่เพียงรับฟังรายงานเรื่องการช่วยระบายน้ำของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล
ทั่นซักไซร้ลงรายละเอียดเหมือนกับว่ารู้ลึกเชียวละ
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ไล่เรียงกับเจ้าหน้าที่ชนิดว่า
“อาศัยอำนาจอะไรในการเจาะ” ได้ประสานกรมอุทธยานหรือยัง ระวังเรื่องกฎหมายให้แม่นๆ นะ
แล้วจะขุดจากยอดเขาเนี่ยรู้พิกัดหรือเปล่า ขนาดนั้นกันเลย
ก็ยังดีกว่าทั่น ผบ.ตร.เองนี้ดนึง
ซึ่งเจอนักข่าวอัล จาซีราห์ เอาไมค์จ่อปากถามถึงความคืบหน้าของปฏิบัติการค้นหานักเตะเยาวชนและโค้ช
๑๓ คนที่ติดอยู่ในถ้ำ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ดันตอบเวย์น เฮย์ว่า
“I have no idea.” ไม่รู้สิ “ต้องไปถามผู้ว่าฯ
(เชียงราย) โน่นแน่ะ” นายเฮย์เขาจึงได้ทวี้ตว่า “แล้วทั่นมาที่นี่ทำไม” (วะ)
ถ้าทั่นทำการบ้านเสียบ้างจะรู้
ความคืบหน้าของวันมีว่า ยังมีความพยายามสูบน้ำออกจากถ้ำอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา
จนทำให้ปริมาณน้ำในถ้ำบริเวณโถงแรกลดลงไปบ้าง แต่ก็ยังไม่ช่วยอะไรมากนัก
นอกจากนายเวิร์น อันสเวิร์ธ นักดำน้ำชาวอังกฤษใช้เวลาสองชั่วโมงแล้วไม่พบอะไร
เช่นเดียวกับหน่วยซีลที่เข้าไปถึงลานหาดพัทยา พบแต่รอยเท้าและรองเท้า อีกทั้งการหย่อนขวดน้ำเข้าไปจากช่องเปิดบนเขา
ปรากฏว่ามีร่องรอยขวดน้ำถูกถอดออกไปเหลือแต่เชือก อันเป็นสัญญานข่าวดีแล้ว
ความพยายามขุดเจาะหาเพื่อปิดตาน้ำเกิดติดขัด
เจาะไปได้ ๗๐ เมตรต้องหยุดเพราะไฟฟ้าดับ รอเจาะต่อใหม่อีกตอนสายวันนี้
อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวของข่าว
#ถ้ำหลวงฯ บนโลกไซเบอร์ดำเนินต่อไปไม่หยุดยั้งอย่างรวดเร็วด้วยข้อมูลใหม่
โดยเฉพาะเกี่ยวกับโพลงบนยอดเขาที่ฝ่ายปฏิบัติการกำลังสำรวจหาช่องทางเจาะลงไปสู่โถงของถ้ำ
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เตรียมเครื่องเจาะไว้แล้ว
ส่วนหนึ่งด้วยความช่วยเหลือของหน่วยทหารอเมริกัน ‘จัสแม็กประเทศไทย’ ทว่าบรรดานักรบไซเบอรืไปไกลกว่านั้น
เปิดฉากด้วย ‘ภรรยาท่านลอร์ด’ คอมเม้นต์รายงานของช่องอัมรินทร์ที่ไปสัมภาษณ์ชาวบ้านในพื้นที่
ว่า “ก่อนหน้านี้ชาวบ้านไม่เคยออกมาบอก เพราะเป็นพื้นที่สีแดง”
อันหมายถึงเขตลักลอบค้ายาเสพติด ที่ ‘เกี๊ยวเห็นคุณ’ ให้รายละเอียด
“พ่อเพื่อนเราเป็นทหารบอกมานะคะ คือเขาปลูกฝิ่นผลิตยาที่ดอยผาหมี
แล้วลักลอบขนกันที่ดอยนางนอน เพราะมีจุดเชื่อมไปพม่า” พ้องพอดีกับที่ ‘Millennium
Boyz’ แฉ “โพลงที่ดอยผาหมีมันใหญ่มาก ใหญ่จนไม่น่าเพิ่งมาเจอเอาตอนนี้”
ก็เลยเข้าทางที่ ‘คิมบ๊าบบิ’ โพสต์บ้าง “ทำไมมีแต่คนคิดว่าถ้ำนี้มันมีสิ่งลี้ลับ
แต่ไม่ค่อยมีใครคิดว่าถ้ำนี้มันเป็นเขตลักลอบค้ายา ที่คนแถวนั้นไม่ค่อยเข้าไป
เพราะเขารู้ #ถ้ำหลวง” อ๊ะ เข้าไคล้กับที่คุณนาย ‘เกี๊ยว’ เขียนไว้
“บางทีเวลาชาวบ้านเข้าไปแถวนั้นแล้วเสียชีวิต
เขาก็จะโยนเข้าเรื่อไสยไป จะได้ไม่ต้องโดนขุด พวกพลเมืองดีเขาก้ไม่กล้าพูดแหละ พูดไปก็เหมือนเอามีดมาจ่อคอตัวเอง”
ซึ่งก็ตรงกับที่ ‘มาแป๊ปเดียว เดี๋ยวก็ไป’ เขียนไว้ก่อนหน้านี้เช่นกันว่า
“เส้นทางของถ้ำนี้ไม่ได้มีอาถรรพ์อะไรหรอก...ตอนยังไม่มีวัด
ว่ากันว่าเป็นทางเดินของพวกผิดกฎหมายพักของ เพราะบนเขาเป็นหมู่บ้านชาวเขาผาหมีติดชายแดนพม่า
แหล่งเพาะพันธุ์ยาเสพติด...บนเขาดอยนางนอนใครหลงเข้าไปเป็นหายไปทุกที