วันพุธ, มิถุนายน 20, 2561

5 ปีของนายกคนนี้ ประเทศไทยได้อะไรจากกองทัพ???




5 ปี กับงบกระทรวงกลาโหมกว่า 1 ล้านล้านบาท ประเทศไทยได้อะไร???







BY BOURNE ON JUNE 18, 2018
Ispace Thailand


ในระยะเวลา 5 ปีงบประมาณ กระทรวงกลาโหมได้รับงบประมาณไปมากกว่า 1,061,171 ล้านบาท

นับตั้งแต่รัฐบาลคสช.เข้ามาบริหารประเทศ ปี 2559 ถึงปัจจุบัน งบกระทรวงกลาโหมในแต่ละปีสูงกว่า 2 แสนล้านบาท

รัฐบาลคสช. ซื้ออาวุธให้ 3 เหล่าทัพมากกว่า 85,000 ล้านบาท นับตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศ

ด้วยกำลังพล 3 เหล่าทัพมากกว่า 357,000 คน หากเฉลี่ยค่าใช้จ่ายต่อกำลังพลที่ 20,000 บาท (เงินเดือนสวัสดิการเฉลี่ย) รัฐต้องจ่ายเงินให้กำลังพลมากถึงเดือนละ 7,140 ล้านบาท หรือ ปีละ 85,680 ล้านบาท

เวลามีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี สิ่งที่เราได้รับรู้นอกเหนือจากกรอบงบประมาณโดยรวมของรัฐบาลแล้ว เรายังได้รับรู้ถึงการให้งบประมาณในรายกระทรวง ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจและน่าตั้งคำถามสำหรับประเทศไทยก็คือ งบประมาณของกระทรวงกลาโหม

นับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา งบประมาณของกระทรวงกลาโหมนั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากรัฐบาลคสช. เข้ามาบริหารประเทศในปี 2557 งบประมาณของกระทรวงกลาโหมก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้น และปี 2559 จนถึงปัจจุบัน งบประมาณกระทรวงกลาโหมก็พุ่งทะลุตัวเลข 2 แสนล้านบาทต่อปีไปแล้วอย่างต่อเนื่อง

แน่นอนว่ากระทรวงกลาโหมของไทยนั้น ติดอันดับ 5 กระทรวงแรกที่ได้รับงบประมาณจากภาษีของประชาชนสูงที่สุดในแต่ละปีมาโดยตลอด ย้อนกลับไปในปี 2558 กระทรวงกลาโหมได้รับงบประมาณ 192,000 ล้านบาท ปี 2559 ได้รับงบประมาณ 206,000 ล้านบาท ปี 2560 ได้รับงบประมาณ 213,500 ล้านบาท ปี 2561 ได้รับงบประมาณ 222,000 ล้านบาท และล่าสุดปี 2562 ได้รับงบประมาณ 227,671 ล้านบาท รวมย้อนหลัง 5 ปี ที่รัฐบาลคสช.เข้ามาบริหารประเทศ กระทรวงกลาโหมได้รับงบประมาณไปถึง 1,061,171 ล้านบาท





แม้งบประมาณกลาโหมในแต่ละปี หากเปรียบเทียบกับ GDP ของประเทศอาจจะดูไม่สูงมาก เนื่องจากอยู่ในระดับไม่ถึง 2% ของ GDP แต่หากเทียบกับงบประมาณที่รัฐบาลมีในแต่ละปี ซึ่งเป็นเงินในมือของรัฐจริงๆ ไม่ใช่ GDP ซึ่งเป็นเงินที่ไม่ได้อยู่ในมือของรัฐบาล กลับอยู่ในระดับ 7-9% ของงบประมาณรวมเลยทีเดียว และหากพิจารณาเรื่องสภาพเศรษฐกิจของประเทศก็ต้องยอมรับว่างบประมาณกลาโหมของไทยนั้นถือว่าสูงมากเกินไปจริงๆ

และงบประมาณกลาโหมนั้น ก็สูงกว่ากระทรวงซึ่งมีความสำคัญอย่างกระทรวงสาธารณสุขซึ่งต้องดูแลสุขภาพของประชาชนทั้งประเทศเสียอีก!!!

มาถึงตรงนี้อาจจะมีคำถามเกิดขึ้นว่า งบประมาณกลาโหมที่สูงขนาดนี้ในแต่ละปีเป็นเพราะอะไร??? ประเทศไทยจัดซื้ออาวุธเยอะหรือไม่? ย้อนกลับไปดูการจัดซื้ออาวุธของกองทัพในช่วงเวลาตั้งแต่ปี 2557 พบว่า กองทัพบกมีการจัดซื้ออาวุธ คือ โครงการจัดซื้อรถถัง VT-4 จากประเทศจีนจำนวน 38 คัน แบ่งเป็น 2 รอบการจัดซื้อ โดยระยะแรกจัดซื้อ 28 คัน วงเงิน 4,985 ล้านบาท ระยะที่ 2 จัดซื้ออีก 10 คัน วงเงิน 2,017 ล้านบาท และยังมีโครงการจะจัดซื้อเพิ่มเติมอีก 11 คันให้ครบ 1 กองพัน(49 คัน) ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณอีกไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท







โครงการจัดซื้อรถเกราะล้อยางรุ่น VN-1 จากประเทศจีนอีก 34 คัน มูลค่า 2,300 ล้านบาท ตามมาด้วยโครงการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์แบบ MI-17V5 จากประเทศรัสเซียจำนวน 6 ลำ ซึ่งจัดซื้อ 2 ระยะ โดยระยะแรกจัดซื้อ 2 ลำ มูลค่า 1,698 ล้านบาท ระยะที่ 2 อีก 4 ลำมูลค่า 3,385 ล้านบาท และล่าสุดโครงการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์แบบ UH60 Blackhawk จากสหรัฐฯอีก 4 ลำ มูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านบาท







กองทัพเรือมีโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำรุ่น Yuan Class S26T จากประเทศจีนจำนวน 3 ลำ มูลค่ากว่า 36,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 7 ปี โดยเรือดำน้ำลำแรกมีมูลค่า 13,500 ล้านบาท โครงการต่อเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งหรือ OPV (Off-shore Patrol Vessel) จำนวน 1 ลำมูลค่า 5,482 ล้านบาท เป็นงบต่อเรือ 2,832 ล้านบาท การจัดหาอาวุธติดตั้งบนเรืออีก 2,650 ล้านบาท โครงการต่อเรือตรวจการณ์ชายฝั่งอีก 9 ลำในปี 2558-2559 มูลค่ารวม 1,117 ล้านบาท โครงการ ต่อเนื่องจากในปี 2556 ที่กองทัพเรือว่าจ้าง บริษัท DSME(Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering) ประเทศเกาหลีใต้ โดยมีความต้องการจำนวน 2 ลำ โดยลำแรกต่อในประเทศเกาหลีใต้ ส่วนลำที่สองจะต่อในประเทศไทย โดยมูลค่าของเรือลำแรกนั้นสูงถึง 14,600 ล้านบาท และยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลว่าเรือลำที่สองจะใช้งบประมาณเท่าไหร่ แต่คาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 9,000 ล้านบาท และล่าสุดโครงการจัดซื้อขีปนาวุธต่อต้านเรือแบบ RGM-84L Harpoon จากสหรัฐอเมริกา โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 24.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 829 ล้านบาท









ด้านกองทัพอากาศก็ไม่น้อยหน้าด้วยโครงการจัดซื้อเครื่องบินฝึกขับไล่ไอพ่นความเร็วเหนือเสียงรุ่น T-50TH จากประเทศเกาหลีใต้ โดยมีความต้องการจัดซื้อทั้งหมด 16 ลำ โดยจะมีการจัดซื้อแบ่งเป็น 3 ระยะ โดยระยะแรกจัดซื้อ 4 ลำ มูลค่า 3,750 ล้านบาทในปี 2558 ระยะที่สอง 8 ลำ มูลค่า 8,889 ล้านบาทในปี 2560 และในระยะที่ 3 จะมีการจัดซื้ออีก 4 ลำ ยังไม่มีการเปิดเผยมูลค่า แต่คาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 3,500 ล้านบาท โครงการปรับปรุงเครื่องบินขับไล่แบบ F-5 E/F มูลค่า 3,200 ล้านบาท







รวมแล้ว 3 เหล่าทัพ ช็อปปิ้งอาวุธไปไม่ต่ำกว่า 85,000 ล้านบาท ในระยะเวลาที่รัฐบาลคสช.บริหารประเทศ แต่งบประมาณที่ใช้ในการจัดซื้ออาวุธ เมื่อเปรียบเทียบกับงบประมาณกลาโหมในระยะเวลา 5 ปี กว่า 1 ล้านล้านบาท ก็อาจจะไม่ได้สูงมากมายนัก แล้วเงินงบประมาณกลาโหมถูกใช้ไปในส่วนใด???

ปัจจุบันกองทัพไทยทั้ง 3 เหล่าทัพ มีกำลังพลประมาณ 357,000 คน ซึ่ง หากเราประมาณงบประมาณที่เป็นเงินเดือน สวัสดิการโดยเฉลี่ยต่อคนที่ 20,000 บาท รัฐจะต้องจ่ายเงินในส่วนนี้มากถึงเดือนละ 7,140 ล้านบาท หรือ ปีละ 85,680 ล้านบาท ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆของกระทรวงกลาโหม เช่น ค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ค่าบำรุงรักษาอาวุธ ค่าใช้จ่ายในการฝึก ฯลฯ







หากพิจารณาจากข้อมูลที่กล่าวไป อาจจะบอกได้ว่าปัญหาเรื่องงบประมาณกลาโหมสูงนั้นมาจากอัตราเงินเดือนและสวัสดิการของกองทัพที่สูงเกินไป จากจำนวนกำลังพลที่มากเกินความจำเป็น คำถามจึงย้อนกลับมาว่า ประเทศไทยได้อะไรจากการมีกำลังทหารมากมายกว่า 357,000 คน??? ประเทศไทยได้อะไรจากงบประมาณกลาโหมกว่า 1 ล้านล้านบาทในระยะเวลา 5 ปี???

Reference

https://prachatai.com/journal/2017/06/71901

https://www.bbc.com/thai/thailand-40892928

https://www.prachachat.net/politics/news-14139

https://workpointnews.com/2018/06/07/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%AF-%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%B5/

http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/764007
...



ooo





พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
เผด็จการจากประเทศไทย
ที่นำก่อการรัฐประหาร 2557
เพื่อโค่นรัฐสภาที่มาจากระบอบประชาธิปไตย
จะเดินทางมาลอนดอนและปารีสระหว่างวันที่ 20-25 มิถุนายน

มาพบกับเมย์ (นรต. อังกฤษ) และมาครอน (ปธน.ฝรั่งเศส)
เพื่อเจรจาเรื่องการซื้อขายอาวุธและตกลงการค้ากับแอร์บัส

ประยุทธ์ไม่ได้เป็นตัวแทนของประเทศไทย

สำหรับเมย์และมาครอน พวกเราขอบอกว่า โปรด
อย่าทำข้อตกลงใดๆ กับเผด็จการไทย

ข้อความถึงประยุทธ์นั้นชัดเจนอยู่แล้วว่า
เอาพวกกองทัพไทยของมึงออกไปจากทำเนียบรัฐบาล
------------------

General Prayuth Chan-Ocha
DICTATOR of THAILAND
the Leader of the 2014 military coup
that sacked our democratic Parliament
will be London-Paris 20-25 June

to meet May & Macron
for weapon deals and Airbus contracts.

PRAYUTH DOES NOT REPRESENT
the people of Thailand

To May & Macron we say, please,
‘NO DEAL with the Thai Junta.’

The message to Prayuth is clear:

TAKE YOUR DAMNED
ROYAL THAI ARMY OUT OF PARLIAMENT
--------------------

โปรดช่วยกระจ่ายข้อความนี้ต่อไปด้วยความสุขและสนุกสนาน
ขอบคุณ

Please spread these messages joyously.
THANK YOU. MERCI.




Junya Yimprasert