วันพุธ, มิถุนายน 27, 2561

คนที่เขาชอบวิธีการต่อสู้กันแฟร์ๆ ตามวิถีประชาธิปไตยแนะว่า ถ้าแน่จริง “เลิกนิรโทษกรรมพวกของตน” เสียสิ “แล้วมาสู้คดีแบบเดียวกัน” (ม.๑๑๓)

กลับถึงไทย ไอทู้บ ปรี๊ดแตกเจอ แม้ว สไก๊ป์ ซ้ำอารมณ์ค้างจากฟรองแซส “สิ่งที่ได้พูดไปเมื่อวันที่ ๒๖ มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งได้โจมตีคนที่หนีไปอยู่ต่างประเทศ เพราะระหว่างเดินทางเยือนอังกฤษและฝรั่งเศส มีคนมาต่อต้าน” (Wassana Nanuam)

โดยเฉพาะที่ฝรั่งเศส แม้คนต่อต้านจะแค่นับสิบ แต่ผลกระทบกระจายกว้างออกไปทั่วเมือง ตามท้องถนนกรุงปารีสป้ายไม่เอาประยุทธ์ติดเกลื่อนเสาไฟฟ้ามาเป็นอาทิตย์ แถมมีหนังสือถึงประธานาธิบดีมาครองประจานเผด็จการไทยไว้ล่วงหน้า

ฉะนั้น การจัดฉากของสถานทูตไทยให้คนไปฟังประยุทธ์พูดบันทึกเทปรายการศาสตร์พระราชา แม้จะถึง ๓๐๐ จริงอย่างที่อ้าง ก็เพียงรายการย่อยในห้องโถงของโรงแรมแห่งหนึ่งเท่านั้น
 
“แค่รำคาญ...ผมไม่อยากไปทะเลาะเบาะแว้งกับใคร...ไม่ได้ไปต่อว่าใคร” เฟชบุ๊ควาสนาว่าประยุทธ์พูดอย่างนี้ อ้าว แล้วใยแกว่งปากหาเสี้ยนเล่า ว่าเขา “ไปอาศัยประเทศคนอื่นเขาอยู่ แล้วเกิดมาเป็นคนไทยทำไม ไปอยู่กันแบบคนชั้นสอง ขออาศัย ขออยู่อย่างนี้นะหรือ”

เห็นบอกว่าไม่ได้เจาะจงใครคนใดคนหนึ่ง แค่ด่ากราดคนไทยที่อยู่ต่างประเทศ พวกไม่ชอบเผด็จการ ไม่เอารัฐประหาร ไม่ชื่นชม คสช. เท่านั้นละ หารู้ไม่ว่าคนไทยที่อยู่ต่างประเทศไม่ได้ “ขออาศัย” ไปทั้งหมด ส่วนใหญ่พวกเขาอยู่ตามสิทธิ ส่วนหนึ่งอยู่เพราะเขาเชิญ เขาชอบให้อยู่ก็มีถมไป

ต่อกรณีที่ กกต.กำลังเพ่งเล็ง หาเรื่องพรรคเพื่อไทยเผื่อจะยุบได้ก่อนเลือกตั้งก็จะสบายประชารัฐ เนื่องจากสไก๊ป์คุยกับอดีต ส.ส.และแกนนำพรรคเพื่อไทย “จะชนะการเลือกตั้งในภาคอีสานในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างแน่นอน” นั้น

น่าจะทำให้อาการไอทู้บ ของขึ้น ได้ แต่คงน้อยกว่าที่อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์บีบีซีไทย มั่นใจมากเรื่องพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งครั้งที่ว่ากันว่าจะมาในปลายกุมภา (หรือไม่ก็ต้นพฤษภา) ด้วยเหตุผลชนิดตบหน้า คสช. และพรรคนักดูดลิ่วล้อประยุทธ์

“ผมเป็นคนที่ใกล้ชิดประชาชน แม้กระทั่งออกมาแล้วมีอะไรก็ยังติดต่อกับประชาชนเป็นระยะๆ อยู่ว่างๆ ก็โทรหากำนันผู้ใหญ่บ้าน ก็ยังพอรู้ว่าเขาคิดอย่างไร” จึงเป็นหลักเป็นฐานพอให้ข้อสรุปอย่างชัวร์ๆ ได้ว่า

“ส.ส.ที่ออกจากพรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่มีน้อย ส่วนใหญ่มีคดีจะได้หลุดคดีซักที ไปๆ เหอะไปเข้าข้างเขาเถอะ เพราะเขาเอาคดีมาขู่แล้ว กับอีกประเภทนึงคือเป็นหนี้เป็นสิน อยู่ๆ เอาเงินก้อนใหญ่มาให้ก็น่าสนใจอยู่”


มิหนำซ้าพอบีบีซีถามถึงประยุทธ์ ทักษิณบอก “รู้จักกันดี แต่ว่าวันนี้เขาไม่รู้จักผม ผมรู้จักเขาอยู่” ดังนั้นสิ่งที่ทักษิณตอบคำถามต่อไปจึงพอเผยธาตุแท้ของประยุทธ์ผิดไปจากเจ้าตัวพร่ำบอกเรื่องกลับมาเป็นนายกฯ อีก
 
ไอ้ความอยากของคนห้ามไม่ได้ เพราะมันอยาก พอเป็นแล้วมันมัน” ก็แค่นั้นแหละ ผลงานไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าใช้เงินเป็นเบี้ย ซื้ออาวุธ ลงทุนหุ้นเจ้าสัว เม็กกาโปรเจ็ค ชนิดต้องรอครบ ๒๐ ปีตามยุทธศาสตร์ชาติ Shure จึงจะเห็นผลมั้ง

เรื่องที่ไปชวนแอร์บัสมาลงทุนสร้างโรงงานซ่อมเครื่องบินที่อู่ตะเภา นั่นก็ฝันเฟื่องอยู่ ใครๆ ก็รู้รัฐบาลทหารไทยไร้น้ำยาเสมอ แค่เขาเห็นกรณีเด็กทีมกีฬาติดอยู่ในถ้ำที่เชียงราย สามวันเข้าไปแล้วยังไร้วี่แววว่าจะช่วยออกมาได้ไหม

สามวันแล้วเช่นกัน รถไฟฟ้าบีทีเอสเสีย ล่าช้า หรือว่าไม่สามารถซ่อมได้ทันการ คนทำงานบ่นกันทั้งกรุง จนป่านนี้ไม่เห็นใครในรัฐบาลทหารแสดงอาการร้อนใจ อย่าว่าแต่จะมีปฏิกิริยาเร่งรัดให้แก้ไข

ที่กับนักศึกษาจุฬาฯ จะจัดสัมมนาเรื่องทักษะภาษาอังกฤษด้วยการแปลบทความนิตยสารไทม์สัมภาษณ์ประยุทธ์ ละก็ไว สั่งห้ามกันทันที ก็เพราะไทม์ฉบับสัมภาษณ์เหล่เล่มนี้ทำแสบ ขุดเอาแต่ความจริงมาเขียน แรกให้ไก่อูออกมาประโคมว่าเห็นไหมต่างชาติยอมรับ พอเจอฉายา สฤษดิ์น้อยเข้าเลยห้ามขายเอาดื้อๆ

บทสัมภาษณ์ของไทม์นี่ก็ทำให้เป็นที่ยืนยันอีกอย่างว่า รัฐประหาร ๒๒ พ.ค. ๕๗ นั่นประยุทธ์วางแผนไว้ล่วงหน้าถึง ๖ เดือน ความที่ปากพล่อย หลุดออกไปให้ฝรั่งจับได้ ประเด็นนี้ Banyong Pongpanich เอามาวิเคราะห์ตามลายลักษณ์อักษรอังกฤษ

นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจมากสำหรับผม ที่คนระดับ ผบทบ.เริ่มคิดที่จะทำการซึ่งล่อแหลมที่จะเป็นความผิดร้ายแรงและมีโทษถึงประหารชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตราที่ ๑๑๓ ในขณะที่ภาวะการณ์ต่างๆ ยังห่างจากความคับขันใดๆ”

บรรยงค์ลำดับเหตุการณ์นับแต่การประท้วงร่าง พรบ.นิรโทษกรรมเหมาเข่งสุดซอย กลางดึกคืนวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ จนวันที่ ๗ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยอมถอยสุดซอย ถอนร่างฯ ออกแล้วการประท้วงติดลมยังไม่เลิก ก็ไม่ถึงขั้นน่าห่วงว่าจะนองเลือด

“คุณสุเทพเองถึงจะเมามันติดลม แต่ก็ยังไม่ได้สถาปนา กปปส.เสียด้วยซ้ำ (กปปส.ถูกตั้งในวันที่ ๒๙ พย.)” บรรยงค์ว่าตอนนั้น ตอนที่ประยุทธ์เริ่มคิดเรื่องรัฐประหารเหตุที่จะทำให้ ต้องทำยังไม่เกิดทั้งสิ้น ในเมื่อ

“ไม่ถึงขั้นต้องยุบสภา (๙ ธ.ค.)…ยังไม่มีปัญหาสุญญากาศจากการที่รัฐบาลรักษาการณ์ทำงานไม่ได้…ยังไม่มีการขัดขวางการเลือกตั้ง (๒ ก.พ. ๕๗)…ศาลรธน.ยังไม่ได้ตัดสินว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ (๒๑ มี.ค.)” แล้วจึงมาปลดยิ่งลักษณ์ออกจากนายกฯ รักษาการ เมื่อ ๗ พ.ค. ๕๗

“กล่าวได้ว่า ณ วันที่ ๒๒ พย. ๕๖ (หกเดือนก่อนยึดอำนาจ) ที่ท่านระบุว่าเริ่มคิดรัฐประหารก่อนหน้านั้น ยังไม่มีสถานการณ์ ถึงทางตันตามที่ท่านชอบกล่าวอ้างแต่อย่างใด”


แล้วยังจะมีหน้าไปท้าเขา “กลับมาเข้าสู่ครรลองของกฏหมาย ถ้าคิดว่าถูกก็กลับมา” ในเมื่อคณะรัฐประหารออกกฎหมายใหม่เพื่อดำเนินคดีเขาย้อนหลัง และนิรโทษกรรมให้ตนเองไว้

ก็เลยมีคนที่เขาชอบวิธีการต่อสู้กันแฟร์ๆ ตามวิถีประชาธิปไตย @spkmind2 แนะว่า ถ้าแน่จริง “เลิกนิรโทษกรรมพวกของตน” เสียสิ “แล้วมาสู้คดีแบบเดียวกัน”