วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 21, 2561

"ประจักษ์" : สึนามิคนรุ่นใหม่ Vote for Change คว่ำพรรคทหาร-ล้าง คสช.






“ประจักษ์” Vote for Change สึนามิคนรุ่นใหม่คว่ำพรรคทหาร-ล้าง คสช.


18 June 2018
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

สัมภาษณ์พิเศษ

ในห้วงการเมืองไทย “ฝุ่นตลบ” พรรค-นักการเมืองเก่า “ถูกดูด” พรรคการเมืองใหม่ควานหาผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง-โรดแมปการเลือกตั้งยังลูกผีลูกคน

“ผศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ” จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ใช้เวลาในช่วประชาธิปไตย-การเลือกตั้งไทยถูก “เว้นวรรค” ลงพื้นที่”ขลุก” อยู่กับการเลือกตั้งเพื่อนบ้าน-มาเลเซียที่เพิ่งรู้ผลไปสด-หมาด

“ผศ.ดร.ประจักษ์” กำลังอยู่ระหว่าง “ระดมสมอง” นักวิชาการรัฐศาสตร์-เชี่ยวชาญอาเซียน เพื่อทำโครงการวิจัย “พลวัตทางการเมืองเรื่องการเลือกตั้งและประชาธิปไตยในอาเซียน ศึกษาเปรียบเทียบประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์”

“ประชาชาติธุรกิจ” ชวน “ผศ.ดร.ประจักษ์” ถอดบทเรียนการเมืองเพื่อนบ้าน สะท้อนการเมืองไทย ก่อนจะ “ขีดเส้นใต้” ว่า แคมเปญ “vote for change” จะถูกรณรงค์จากพรรคการเมืองขั้วตรงข้ามรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์-คสช.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

Vote for Change

“ผศ.ดร.ประจักษ์” ฉายภาพการเมืองอาเซียน “สะท้อน” การเมืองไทยว่า vote for change เป็นเทรนด์ที่มาทั่วโลก อาเซียนเห็นชัดเจน เช่น มาเลเซีย พรรคอัมโนบอกว่า vote continue เพื่อรักษาเสถียรภาพ สถานะเดิม แต่ฝ่ายค้านบอกโหวตเพื่อการเปลี่ยนแปลง สุดท้ายคนเลือก vote for change ขณะที่ฟิลิปปินส์ ดูแตร์เตบอกถ้าอยากได้อะไรแหวกแนว แปลกใหม่ การเมืองแบบใหม่ให้เลือกข้าพเจ้า แต่ฝ่ายอื่นบอกว่าโหวตเพื่อความต่อเนื่อง

“สำหรับการเมืองไทย ไม่มีการเลือกตั้งตั้งแต่ปี”54 รวม 7 ปี คนต้องการความเปลี่ยนแปลงเพราะหยุดนิ่งมานาน 4 ปีที่ผ่านมา มีสภาแต่งตั้ง ไม่มีฝ่ายค้าน ไม่มีการตรวจสอบ ไม่มีการดีเบตกฎหมาย ไม่มีการถกเถียง ไม่ว่ารัฐบาลจะชูตัวเลขสถิติอะไร เป็นเรื่องของความรู้สึก เศรษฐกิจดีขึ้นแต่คนไม่รู้สึก”

พรรคทางเลือกมาแรงกว่าทหาร
“ตอนนี้คนทั่วไปรู้สึกว่าหยุดนิ่ง ชีวิตความเป็นอยู่ลำบากกว่าเดิม แต่กลุ่มนายทุนอาจได้ประโยชน์จากโครงการอีอีซี นโยบายประชารัฐ วาทกรรมรวยกระจุกจนกระจายจะถูกนำมาใช้ในแคมเปญหาเสียง ประชาชนจะรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ”



“ใครก็ตามที่นำเสนอเป็นพรรคการเมืองนอมินีทหาร สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์กลับมาจะไม่มีอนาคต คนไม่เลือก ขายลำบาก ใครที่บอกว่า โหวตเพื่อความต่อเนื่องให้ผู้นำชุดปัจจุบันกลับมาสานต่อการปฏิรูปและแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี จะได้เสียงน้อย ขายไม่ได้ เพราะเท่ากับบอกว่า โหวตแล้วได้เหมือนเดิมอีก 4 ปี ฉะนั้นพรรคที่มีโอกาสจะมาแรงกว่า คือ ต้องชี้ให้เห็นว่าตัวเองจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างไร”

โอกาสนักการเมืองหน้าใหม่


“ผศ.ดร.ประจักษ์” ถอดบทเรียนการเมืองอาเซียน-ฟันธงการเมืองไทยว่า ท้ายสุดทั้งประชาธิปัตย์ (ปชป.) เพื่อไทย (พท.) และทุกพรรคที่ไม่ใช่พรรคนอมินีทหารจะหาเสียงบนฐาน จะเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างไรให้ออกจากความหยุดนิ่ง พล.อ.ประยุทธ์-คสช.จะเป็นเป้าโจมตี ผลงานรัฐบาลรอบ 4 ปีจะถูกขุดคุ้ยและนำเสนอเรื่อง vote for change เป็นจุดขาย เพราะคนอยากเปลี่ยนแปลง การเลือกตั้งจะแข่งกันระหว่าง 2 ขั้ว ไม่ใช่ ปชป.กับ พท. แต่เป็นขั้วที่ไม่เอา คสช.กับขั้วที่สืบทอดอำนาจให้ คสช.

“ขั้วที่สืบทอดอำนาจให้กับ คสช.จะขายความต่อเนื่อง ขายยุทธศาสตร์ 20 ปี ขาย พล.อ.ประยุทธ์ให้กลับมาทำต่อ อีกขั้วหนึ่ง ปชป. พท. และอีกหลายพรรค ยุทธศาสตร์ คือ จะทำอะไรให้ต่างไปจาก คสช.และไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ อยากได้อะไรแปลกใหม่ นโยบายเศรษฐกิจแบบใหม่ วิชั่นแบบใหม่ วิจารณ์ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี”

ถึงแม้ว่าวันนี้ “ผศ.ดร.ประจักษ์” ยังไม่สามารถทำนายว่าสภาพการเมืองไทยจะเลือกข้าง-ขั้วใดในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทว่าบทเรียนจาก 3 ประเทศในอาเซียนเขาเห็นว่า ถ้าประเทศหยุดนิ่งยาวนาน มีปัญหาคอร์รัปชั่น การบริหารประเทศค่อนข้างล้มเหลว เศรษฐกิจไม่กระจายไปสู่คนระดับล่าง พรรคที่อยู่ในอำนาจเดิมจะเสียเปรียบ ประชาชนจะเทคะแนนเสียงให้ตัวเลือกใหม่ ให้โอกาสคนอื่น คนหน้าใหม่มาทำแทนเพราะอยู่มา 4 ปีแล้วไม่ได้ทำให้โชติช่วงชัชวาล

คสช.อยู่นานยิ่งเสียเปรียบ

“ถ้าถามว่าสุกงอมหรือยัง 4 ปีนานแล้วนะ ตั้งแต่เหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ไม่เคยมีรัฐบาลจากการรัฐประหารชุดไหนอยู่ได้นานขนาดนี้ รัฐบาลนี้อยู่นานที่สุด ยิ่งอยู่นานยิ่งเสียเปรียบ อยู่แล้วผลงานไม่ดี อยู่นานคนยิ่งอยากเปลี่ยนแปลง”

สำหรับ “ฟางเส้นสุดท้าย” ที่จะทำให้สถานการณ์ “สุกงอม” นำไปสู่การ vote for change เทียบการเมือง
อาเซียนกับการเมืองไทย ได้แก่ หนึ่ง คอร์รัปชั่น ภาพคอร์รัปชั่นจะเป็นจุดด่างพร้อย ถูกโจมตี สอง แก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องไม่ได้ ถ้าบริหารประเทศไม่ดีแล้วยังมีการคอร์รัปชั่นจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่จะแพ้

คำถามถึงความชัดเจนของ พล.อ.ประยุทธ์ว่า จะลงเล่นการเมืองในนามพรรคการเมือง-นายกฯคนนอก-ในบัญชี ที่ถูกทิ้งไว้เป็นปริศนาจนถึงวันนี้

“ผศ.ดร.ประจักษ์” วิเคราะห์ว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์เลือกที่จะเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อเล่นการเมืองและเปิดตัวเร็ว ยิ่งโดนโจมตีเร็ว เหมือนกับ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ที่ยอมกลับลำมาทำงานการเมืองในนามพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.)

“คนอาจจะชอบคุณสุเทพตอนเป็นลุงกำนัน แต่ไม่ชอบให้กลับมาทำการเมืองปกติ ไม่แน่ใจว่ามวลชน กปปส.จะตามลุงกำนันมาสู่คุณสุเทพที่เป็นนักการเมือง บทเรียนเมื่อครั้งพันธมิตรฯ โอ้โห คนมากันล้นหลาม แต่พอมาตั้งพรรคการเมืองใหม่ คนไม่เลือก”

“เทียบเคียงกับ พล.อ.ประยุทธ์ คนอาจจะสนับสนุนในนามหัวหน้าคณะรัฐประหาร มายึดอำนาจ ทำให้บ้านเมืองสงบ แต่อาจจะไม่ได้ชอบ หรือไม่สนับสนุนตอนเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ต้องมาเสี่ยงคลุกโคลนเพื่อสืบทอดอำนาจ”

มุ้ง-ก๊วน ฉุดคะแนน คสช.

แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะปฏิเสธว่าไม่ลงเลือกตั้ง-ไม่เล่นการเมือง แต่การประชุม “ครม.สัญจร” เปิดดีล-ดูดนักการเมืองมาแล้ว 10 ครั้ง มัดใจด้วยโครงการ-งบประมาณไปกว่า 2.1 ล้านล้านบาท

“ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธไม่ได้าเป็นนักการเมืองคนหนึ่ง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ คนจะไม่ได้เลือกเพราะตัวบุคคลหรือผู้สมัครในแต่ละเขต หรือนโยบายปลีกย่อย แต่คนจะเลือกด้วยภาพใหญ่ ใครเสนอวิชั่นไปสู่อนาคตได้ดีกว่ากัน”

“นักการเมืองหน้าเก่า ๆ มุ้งการเมืองที่ไปดูดมา คิดว่าคะแนนนิยมจะไม่ดี ประวัติศาสตร์พรรคทหารไปไม่รอด คนสนับสนุนการยึดอำนาจเพราะเหตุเฉพาะหน้ากับการตั้งพรรคทหารเพื่อสืบทอดอำนาจ คนละเรื่อง”

“ครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้เรื่องอุดมการณ์และทิศทางประเทศ ไม่ใช่เจ้าพ่อคนไหนมาแข่ง ใครมีอิทธิพลกว่ากัน ใครมีระบบหัวคะแนนมากกว่า เอาคนเด่นดัง เงินทุ่มลงไป ดูด ส.ส.ไปหาผู้สมัครเกรดเอ ผู้มีอิทธิพล เจ้าพ่อท้องถิ่นจะสอบตกหมด”

สึนามิ Young Voter

“ผศ.ดร.ประจักษ์” เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเปลี่ยนรูปโฉมจากในอดีตไปโดยสิ้นเชิง หนึ่ง ระบบเลือกตั้งใหม่ถอดด้าม ไม่เคยใช้มาก่อน สอง ไม่มีการเลือกตั้งมาแล้ว 7 ปี สาม มี young voter คนที่มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกหลายล้านคน มาพร้อมกับค่านิยมใหม่ ใครจับคนกลุ่มนี้จะได้ 20-30 ที่นั่ง การเมืองไทยจะมีสึนามิไปสู่การเปลี่ยนแปลงเหมือนการเมืองมาเลเซีย ถึงเวลาเข้าคูหาเลือกตั้งไม่มีใครไปกำหนดได้ และตอนนั้นมันจะระเบิดออกมา

เขาเชื่อว่า ท้ายที่สุดการเลือกตั้งในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าประเทศไหนก็ตาม ไม่มีใครควบคุมได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะอำนาจจะอยู่ในมือประชาชน มีความไม่แน่นอน-พลวัตสูง ถึงแม้จะปิดได้ก็เพียงชั่วคราว ได้ 4 ปีและคาดหวังว่าจะคุมได้ทั้งหมด และส่งพรรคการเมืองที่ตัวเองสนับสนุนและคุมกลไกรัฐหวังว่าจะชนะคงไม่ง่าย

ม.44 ข้าม รธน.เลื่อนเลือกตั้ง

แม้ร่าง พ.ร.ป.ส.ส.-ส.ว.จะผ่านด่านศาลรัฐธรรมนูญไปได้ และมองเห็นปลายทางการเลือกตั้ง-กุมภาพันธ์ปี’62 แต่เขาเชื่อว่าการเมืองไทยมักมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

“เกิดเหตุความวุ่นวายก็อ้างได้แล้วว่าจัดการเลือกตั้งไม่ได้ คสช.ยังอยู่ในฐานะองค์กร มาตรา 44 ยังอยู่ สามารถออกมาข้ามรัฐธรรมนูญได้ ยกเลิกรัฐธรรมนูญได้ ใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ มาตรา 44 เลื่อนการเลือกตั้งได้”

เขาทิ้งท้ายว่า รัฐบาลจะจัดการเลือกตั้งในช่วงที่ครองกระแสนิยมสูงสุด ยิ่งตอนนี้หากต้องการให้พรรคการเมืองที่ตัวเองสนับสนุนหาเสียงได้ ต้องการไปดูด ส.ส. แต่กฎหมายพรรคการเมืองทำให้ตั้งพรรคการเมืองยาก และบังคับใช้กับพรรคทหารด้วย จึงกลายเป็นติดบ่วงที่ตัวเองทำเอาไว้

...