“ผมปีนี้ ๖๙ แล้ว ผมดูแก่ไหมหมอ” เป็นคำถามชวนสนทนากับ
นพ.พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล อดีตแกนนำเสื้อแดงราชบุรี
ที่พาครอบครัวไปพักผ่อนในกรุงลอนดอน แล้วได้พบกับสองพี่น้องตระกูลชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี
เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา
หมอพงษ์ศักดิ์เขียนเล่าว่า “ท่านถาม
ผมตอบไปว่า ก็ just a little นะครับ 5555 แต่ท่านยังแข็งแรงดี ดูดีกว่าคนวัยเดียวกันอีกมาก” ทำให้ได้รับการตอบกลับ
“มหาเธร์ ๙๒ ปี
ประชาชนมาเลเซียยังเลือกให้กลับมาทำงาน ผมยังมีเวลาอีกตั้ง ๒๓ ปี รอได้สบายมาก...”
คงไม่ผิดถ้าจะบอกว่า นี่เป็นคำประกาศในกลางปี
๖๑ จาก ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเร่ร่อนทำธุรกิจเป็นเศรษฐีอยู่ต่างประเทศกว่าสิบปี
หลังจากถูกยึดอำนาจ ยึดทรัพย์ และโดนข้อหาคดีความต่างๆ นานา ก่อนจะถึงการเลือกตั้งตามโร้ดแม็พ
คสช. ที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีก ล่าสุดถ้าจะเป็นจริงตามที่มีชัย ฤชุพันธุ์ คาดการณ์
ก็คงเมษา ๖๒ ถ้าไม่ยืดออกไปอีกคงย้อนมาหากุมภา ๖๒ ของการเลื่อนครั้งที่ห้า
ตอนปลายของข้อความบนเฟชบุ๊คที่ค่อนข้างจะยาว
เล่าถึงการรับประทานอาหาร (อีตาเลี่ยน) ร่วมกับสองอดีตนายกฯ หมอพงษ์ศักดิ์ยังแถมอีกว่า
“สุดท้าย...ก่อนแยกกันผมเรียนท่านนายกทักษิณและท่านนายกปู ว่า ประชาชนรอท่านนะครับ
วันดีๆ จะต้องมาถึง ท่านนายกทักษิณยิ้มและว่า
“ผมรอได้”
ดังนั้น ไม่ว่าข่าวคราวเกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยขณะนี้จะเป็นเช่นไร
คำพูดของทักษิณจากการบอกเล่าของหมอพงษ์ศักดิ์นี้ เป็นเครื่องยืนยันแก่สมาชิกพรรคและผู้สนับสนุนว่า
ยังมีเงาตระหง่านของทักษิณคุ้มอยู่
(มติชนเพิ่งรายงานเรื่องการขัดแย้งปีนเกลียวระหว่าง
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ตัวเต็งตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนต่อไป
ด้วยการสนับสนุนของคุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ กับนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต
รมว.พลังงาน ซึ่งมีบทบาทเข้มข้นช่วงปีที่ผ่านมา ในการ ‘อัด คสช.รายวัน’
จนเป็นข่าวลือว่าคุณหญิงหน่อยเกิดความอิดหนา
คิดจะ “ลาออกไปตั้งพรรคใหม่” แม้นว่าแกนนำเพื่อไทยบางคนยังยืนยันว่าคุณหญิงสุดารัตน์ไม่คิดไปไหน
จะปักหลักกับเพื่อไทยเช่นนี้ และข่าวไม่ดีนั้นเป็นเพียงเสียงวิพากษ์จากคนภายนอกเท่านั้น
ในภาวะการณ์ที่เกิดเสียงเรียกร้องกระหึ่มไม่ว่าฝ่ายไม่เอา
คสช. มาแต่ไหนแต่ไร และฝ่ายที่ผิดหวังจากการเป็นนั่งร้านให้คณะรัฐประหาร
ต่างต้องการเลือกตั้งตามกำหนด ไม่เห็นด้วยถ้า คสช.จะถ่างโร้ดแม็พออกไปอีก ผลงานของอดีตนายกฯ
กลับมาโผล่ให้เห็นบ่อยๆ ตามสื่อสังคม เลยไปถึงในสื่อสายหลัก
คอลัมน์ ‘ข่าวข้นคนเข้ม’ ของหนังสือพิมพ์ข่าวสดเมื่อวันวานเขียนถึงความสำเร็จในการประชุม ACMECS
หรือ Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation
Strategy -ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่น้ำโขง ครั้งที่ ๘ ว่า
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวขบวนอำนาจในฐานะเจ้าภาพ หน้าบาน” แต่คนจำนวนมากไม่รู้ว่า ACMECS
เป็นมาอย่างไร ซึ่งข้อเท็จจริงจากเว็บไซ้ท์ต่างๆ ของทางการ “ระบุไว้ว่า
ACMECS เกิดจากแนวคิดทักษิณ ชินวัตร สมัยเป็นนายกฯ
หยิบยกขึ้นหารือกับผู้นำกัมพูชา ลาว และพม่า ช่วงการประชุมผู้นำอาเซียนสมัยพิเศษว่าด้วยโรค
SARS เมื่อ ๒๙ เมษายน ๒๕๔๖ ที่กรุงเทพฯ”
จึงเชื่อได้ว่าตลอดสิบกว่าปีที่ทักษิณถูกขับออกไป
ความนิยมในการเป็นนายกรัฐมนตรีของเขาไม่ได้เหือดหายไปแม้แต่น้อย
อาจจะเพิ่มยิ่งขึ้นหลังจากคณะทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แล้วครองอำนาจอย่างกระชับและต่อเนื่องถึงสี่ปี
เท่ากับว่าเพราะ คสช.
นี่เองทำให้ชื่อเสียงทักษิณกลับมารุ่งพุ่งแรงอีก เพราะคนเห็นข้อแตกต่าง
มีตัวอย่างจะจะเฉพาะหน้าให้เปรียบเทียบ ดูจากที่ขณะนี้ราคาสับปะรดตกต่ำเหลือแค่กิดลกรัมละ
๘๐ สตางค์ เป็นตัวอย่าง มิพึงต้องพูดถึงราคายาง ๓ กิโลร้อยยังได้
ข่าวช่อง 8 on Saturday, Jun 17 แจ้งว่า “แม่ค้าสับปะรดในจังหวัดลำปางต่างนำสับปะรดมาวางขายริมถนนสำคัญ
ที่มุ่งหน้าเข้าเชียงใหม่ - กรุงเทพ ลดแลกแจกแถม หลังโรงงานรับซื้อสับปะรดแค่กิโลกรัมละ
๘๐ สตางค์ จนเกษตรกรทนไม่ไหวต้องนำมาวางขายริมถนนกันเอง เหลือเพียงลูกละ ๗ บาท ๓ ลูก
๒๐ บาท”
อีกทั้งข้อเขียนของ Wudhichai
Maitreesophone ซึ่งระบุว่าราคาสับปะรดตกสุดขีดเป็นผลต่อเนื่องมาจากการยึดอำนาจของทหาร
ทำให้ผู้ผลิตสับปะรดกระป๋องย้ายฐานการผลิตไปอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์
มิใยในทางการเมือง อดีตนายกฯ พระราชทาน
คนสำคัญของ ‘ฝ่ายอำมาตย์’ นายอานันท์ ปันยารชุน จะออกมาเรียกร้องให้นักการเมืองรุ่นสูงวัย
วางมือกันเสียทีเพื่อเปิดทางให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนอย่างเต็มที่
แต่ปรากฏการณ์ในมาเลเซียจากชัยชนะเลือกตั้งของมหาเธร์
ทำให้การหวนหาอดีตนักการเมืองที่ยิ่งใหญ่ เป้นประเด็นขึ้นมาใหม่
ทักษิณไปร่ำรวยในหลายประเทศ
ล่าสุดประกอบกิจการด้าน bio-technology อันเป็นธุรกิจทันสมัยที่กำลังจะยิ่งใหญ่ไล่หลัง
computer technology หากเขาจะกลับมานำประเทศในยุคโลกาภิวัฒน์ศตวรรษที่
๒๑ น่าจะไปได้ดีกว่าทหารที่อ้างเป็นนักการเมือง นำประเทศไปสู่รุ่น ๔.๐
ยิ่งถ้าได้ร่วมมือกับคนรุ่นใหม่ อย่างพรรคอนาคตใหม่ของ
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ประสพความสำเร็จอย่างสูงเด่นด้านเทคโนโลยี่รถไฟฟ้า
(ไม่ใช่พรรคปฏิรูปศาสนาด้วยข้อมูลกูเกิ้ล ซึ่งอดีตนายกฯ พระราชทาน เรียกหา) ละก็