วันอาทิตย์, มิถุนายน 03, 2561

”ฉีก”รัฐธรรมนูญ อาจจะเป็นประเด็นชี้ขาดผล”แพ้-ชนะ” เลือกตั้ง!!!





ส่วนหนึ่งของบทความ...

แก้-ไม่แก้รธน. ปมชี้ขาดเลือกตั้ง

ข่าวสดออนไลน์


... แผนกรุยทางสืบทอดอำนาจหลังเลือกตั้ง ผ่าน”เครื่องดูดฝุ่น”ที่ระยะหลังเริ่มออกอาการตื้อๆ ตันๆ

มีแต่พรรคพลังชลที่เป็นเนื้อเป็นหนัง นอกนั้นที่ดูดมาได้ส่วนมากเป็นอดีตส.ส.แถว 2 แถว 3 หรือไม่ก็เป็นอดีตผู้สมัครส.ส.สอบตก

สรุปคือ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน หรือต่อให้ไปจับมือกับพรรคเล็กพรรคน้อย หรือพรรคขนาดกลาง หลังเลือกตั้ง

แต่ตราบใดที่พรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ยังอยู่ ก็เป็นเรื่องยากที่พรรคคสช. จะรวบรวมส.ส.ได้เกินครึ่งสภาหรือ 250 เสียง เพื่อเป็นเครื่องค้ำยันให้อยู่ในอำนาจได้นานๆ

เพจเฟซบุ๊กเชียร์พล.อ.ประยุทธ์ เปิดสำรวจความคิดเห็นแฟนเพจ หัวข้อ “ครบรอบ 4 ปี คสช. ยังสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้บริหารบ้านเมืองต่อหรือไม่” ปรากฏผลโหวตออกมาพลิกล็อกมโหฬาร

ไม่หนุน 94% หนุน 6%

ก่อนหงายเงิบซ้ำจากผลสำรวจ “ระดับความสุขคนไทย ในโอกาสครบรอบ 4 ปี ที่ คสช.เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อคืนความสุขให้คนในชาติ”

โพลให้เลือก 2 ช่อง “แฮปปี้-ไม่แฮปปี้” ผลหลังจากเปิดโหวต 4 ชั่วโมง มีคนเข้ามากด 6,900 โหวต

กด “แฮปปี้” 4 % “ไม่แฮปปี้” 96 %

หายสงสัยทำไมคสช. จึงยังไม่ปลดล็อกให้พรรคการเมือง





กับอีกประเด็นมาแรงต้องจับตา

กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ประกาศปักธงอุดมการณ์พรรค หากได้เข้าสภาไม่ว่าในฐานะรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน

จะเดินหน้าลุยรื้อรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มรดกชิ้นใหญ่ของคสช. ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจ รวบอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง วางกลไกเพื่อให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่มีอำนาจที่แท้จริงในการบริหารประเทศได้

“ธนาธร” ปลุกกระแส “ธงเขียว” จุดกำเนิดรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 กลับคืนมาอีกครั้ง รวมถึงการผลักดันนิรโทษกรรมนักโทษคดีการเมืองยุคคสช.

ถึงจะเป็น 2 ประเด็นท้าทายผู้มีอำนาจอย่างรุนแรง

แต่ปรากฏว่าหลังจากนายธนาธรออกมาจุดกระแสไม่ทันสิ้นเสียง ก็มีนักการเมืองจาก 2 พรรคเป็นอย่างน้อย คือ พรรค เพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา

ที่แสดงท่าทีพร้อมร่วมปฏิบัติการ “กระตุกหนวด”ครั้งนี้ด้วย

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ยังแสดงท่าทีกระมิดกระเมี้ยน รอดูกระแสว่าจะจุดติดจริงจังหรือไม่

กระนั้นก็ตามการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งให้คสช.ตรวจสอบการประชุมใหญ่พรรคอนาคตใหม่เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่ามีการกระทำใดที่ผิดกฎหมายหรือไม่

เช่นเดียวกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯและรมว.กลาโหม สั่งให้กกต.ไปตรวจสอบทั้งในประเด็นการ”ฉีก”รัฐธรรมนูญ และแนวคิดนิรโทษกรรมคดีการเมือง ว่าอาจเป็นการหาเสียงล่วงหน้า

อีกทั้งเรื่องที่นายธนาธรใช้คำว่า”ฉีก”รัฐธรรมนูญ

ก็ไม่ใช่แค่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ยังมีสนช.นักห้อยโหนบางคน ออกมาข่มขู่อาจเข้าข่ายเป็นเหตุให้ถูก”ยุบพรรค”ได้

ทั้งหมดเพื่อหวังให้นายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ รวมถึงพรรคอื่นๆ ที่มีแนวคิดไปในทางเดียวกัน เกิดความหวาดกลัว แต่อีกมุมหนึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่า คสช.หวั่นไหวกับการจุดประเด็นนี้ขึ้นมาไม่น้อย

หากวัดจากแรงกระเพื่อมต่อประเด็นการ แก้ ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 แบบรื้อทิ้งทั้งฉบับ น่าจะเป็น”เส้นแบ่ง”พรรคการเมืองได้ชัดเจนว่า ใครอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย ใครอยู่ฝ่ายคสช.

ดีไม่ดียังจะเป็นประเด็นชี้ขาดผล”แพ้-ชนะ” เลือกตั้งอีกด้วย

...

ชวนอ่าน