เข้าวันที่ ๙ อั้นไม่ไหว ถ้าไม่ได้แตะไหล่เซลฟี่
‘พี่ตูน’ กับเขาบ้าง
วันนี้ (๑๐ พฤศจิกา) พี่ตูน บอดี้สแลม-อาทิวราห์
คงมาลัย วีรบุรุษไทยคนใหม่หยุดวิ่งหนึ่งวัน ก่อนจะเข้าสู่เมืองคอน (นครศรีธรรมราช)
พรุ่งนี้รับเช็คใบใหญ่อีก ๑๖ ล้านจากนายห้างจิมมี่ ชวาลา หลังจากที่ยอดบริจาคทั้งสิ้น
ณ เวลา ๗.๓๓ น. อยู่ที่ ๑๕๖.๗ ล้านบาท
ข่าวว่าพี่ตูนวิ่ง ‘ก้าวคนละก้าว’ ไปถึงไหน ไม่ใช่รับ (บริจาค) อย่างเดียว
มีให้ด้วย อย่างวันนี้จะ “แวะมอบทุนส่วนตัว ๕ หมื่นบาท ให้โรงเรียนวัดปากระวะ
ต.หน้าสตน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช และมอบทุนการศึกษาให้นักเรียน ๒ คน ทุนละ ๑
หมื่นบาท พร้อมมอบอุปกรณ์กีฬาให้โรงเรียนด้วย”
มิหนำซ้ำการ ‘ทำดี’ ของพี่ตูนก่อกระแส ‘ซื่อสัตย์’
ในหมู่ธุรกิจสกรีนเสื้อ “ผู้ประกอบการได้แจ้งว่ามีผู้ว่าจ้างให้ทำเสื้อเลียนแบบเสื้อก้าวคนละก้าวออกจำหน่าย
โดยมียอดสั่งแล้ว ๔ หมื่นตัว ก่อนเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง
จนมีการประกาศจุดยืนจากผู้ประกอบการว่าจะไม่รับผลิต
และขอให้ทุกคนไม่อุดหนุนสินค้าปลอม” เพจเจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามันเป็นผู้เปิดโปงเรื่องนี้
(https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_628487 และ http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=821772)
มิใย ‘คุณธรรม-ความดี’
อย่างพี่ตูนจะลอยฟ่องขนาดไหน ในยุค คสช. นี่นะ สังคมไทยก็ยังหนีไม่พ้น
ดราม่า โหนกระแส และนำไปใช้ห้ำหั่นกัน
ศจ. ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี
มธ. โดนจัดหนักด้วยวาทกรรมปลอมแปลง โดยผู้ใช้นาม ‘อธิภัทร์
News Thailand’ ลงข้อความทางเฟชบุ๊คว่า “อย่าว่าแต่สิบบาทเลย
พี่ตูนจะไม่ได้เงินจากผมแม้แต่บาทเดียว”
แล้วเพจไอโอของ ‘Army
Worldwide News’ เอาไปขยายผลแชร์กันในเครือข่ายสลิ่ม นัยว่าถึง ๓
แสนราย เจ้าตัวอยู่ระหว่างพาทัวร์นักศึกษาชมประวัติศาสตร์ยุโรปตะวันออก
ก็ต้องใช้เฟชบุ๊คเป็นเครื่องมือตอบ
“เรื่องจริงหรืออิงนิยาย...ใครจะพูดก็ตาม
ผมไม่ได้พูด ไม่ได้เขียนครับ”
เป็นผลให้อธิภัทร์ปิดเพจหนี แต่ว่า ‘อาร์มี่’ แข็งจริง ยังคงเผยแพร่ข้อความเท็จต่อไป
ไม่สะทกสะท้าน ร้อนถึงลูกศิษย์ลูกหา อจ.ชาญวิทย์มี่ มธ. อัครพงษ์ ค่ำคูณ ต้องเข้าแจ้งความตำรวจ
โดยมีสมฤทธิ์ ลือชัย นักวิชาการชื่อดังประกาศหนุน
อย่างไรก็ดี อจ.พนัส ทัศนียานนท์
อดีตคณะบดีนิติศาสตร์ มธ. แนะว่าการแจ้งความโดยไม่ใช่ผู้เสียหายเองทำได้เฉพาะความผิดเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์เท่านั้น
ส่วนการฟ้องร้องหมิ่นประมาทหรือไม่ เจ้าตัวเคยเขียนไว้ก่อนหน้า “พ่อเชิง แก่นแก้ว เคยบอกไว้ที่บ้านโป่งนานแล้วว่า เป็นความ กินขี้หมา ดีกว่า”
นั่นเป็นมิติแห่งความเป็น
‘คนดี-วีรบุรุษ’ ของพี่ตูน ถูกนำไป ‘ทำชั่ว’ เพราะ
‘อาร์มี่ เวิร์ลด์ไวด์ นิวส์’ เอาแต่พ่น
‘faked news’
ยังมีมิติในความเป็นจริงของเนื้อหาประเด็น
โรงพยาบาลรัฐขาดเครื่องมือแพทย์ บ้านนี้เมืองนี้ยุคที่ทหารครองเมือง มีแต่คนดี
พูดเก่ง (สมัยหนึ่ง ‘ดีแต่พูด’ สมัยนี้ ‘ดีแต่พล่าม’)
ไม่มีใครทำได้ พี่ตูนก็เลยกลายเป็นฮีโร่วิ่งใต้จรดเหนือหาเงิน ๗๐๐
ล้านช่วยโรงพยาบาล
แต่
“ต่อให้เรามีตูน
บอดี้สแลมมากกว่าหนึ่งคน และก้าววิ่งอีกหลายพันกิโลเมตร
เงินบริจาคที่ได้จะเพียงแค่ผ่อนผันปัญหาเฉพาะหน้าออกไป ระบบสุขภาพใหญ่โตเกินกว่าใครคนหนึ่งจะแบกไว้บนบ่าตามลำพัง”
สุรีรัตน์ ตรีมรรคา ผู้ประสานงานกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ
ให้ข้อคิดไว้ที่ ‘ประชาไท’
ด้านแพทย์หญิงอรพรรณ์ เมธาดิลกกุล กรรมการแพทยสภา แกนนำกลุ่มพลังแพทย์
ก็มีความเห็นเช่นกันว่า “การวิ่งระดมทุนแบบนี้ มันสะท้อนให้เห็นระบบการเงินมันเน่าเฟะ
เปรียบเหมือนกับ ‘กองขยะ’ กองโต”
เธอตอบคำถามในรายการเจาะลึกทั่วไทยของช่องเวิร์คพ้อยต์ประเด็น ‘เกิดดราม่าได้ไง ตูนวิ่ง ๗๐๐ ล้าน’ ว่า
“ใช่ไหม เราขาดแคลนจริงหรือเปล่า...แล้วมันก่อให้เกิดผลเสียหายต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน...
แล้วใครล่ะมีหน้าที่ ที่ต้องแก้ มันคงไม่ใช่หน้าที่คุณตูนแน่นอน”
เรื่องของเรื่องนั้นสาธารณะสุขมีปัญหามานานแล้วขาดแคลนหมดทั้งคน
เงินและเครื่องมือในทุกระดับ รัฐบาลนี้ทำเฉยมาตั้งแต่ปี ๕๗ ไม่มีนโยบายแน่นอน
จนกระทั่งนายกฯ ให้งบประมาณลงมาเมื่อเร็วๆนี้ ๕ พันล้าน แต่ไม่รู้ว่าแก้ปัญหาไหม “ถ้าแก้ปัญหาดีคุณตูนก็ไม่ต้องมาวิ่ง”
ที่จริงแล้วเงินงบประมาณสาธารณะสุขแต่ละปีก็ไม่น้อย ๒ แสนกว่าล้าน
สงสัยว่าบริหารไม่เป็นหรือเกิดรั่วไหล...ทางด้านนโยบายต้องตัดสินใจแล้ว มันต้องสง่างามกว่านี้ในการแก้ปัญหาประชาชนอย่างมีคุณภาพ
ก็ต้องใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ”
ขณะที่เพจ truststoreonline.com ระบุ “คนขายเครื่องมือแพทย์ชี้ ปัญหาเกิดจากแพทย์ทุจริต ‘จัดซื้อ-ล้อคสเป็ค’ ในวงการเอง งบไม่ได้ขาดแคลน”
แล้วไฉนจึงดราม่ากันนักหนา อจ.กานดา นาคน้อย ดูเหมือนจะมีคำตอบ
หลังจากที่เสนอแนะไว้ก่อนหน้านี้หลายวัน “ถ้านายพล ๑,๔๐๐ คนให้พี่ตูนคนละ ๕ แสนบาท พี่ตูนก็จะได้ ๗๐๐ ล้าน”
เธอวิเคราะห์อีกเมื่อวันก่อนทางทวิตเตอร์ว่า
“การระดมทุนด้วยการบริจาคเหมาะกับปัญหาชั่วคราว
เช่น ภัยพิบัติชั่วคราว
ไม่แก้ปัญหาโครงสร้างแต่ก็โดนจริตคนดีเพราะมีวีรบุรุษให้โหน #แดนลิเก”
ท้ายที่สุด
“การปั้นวีรบุรุษเป็นกลไกการปฏิเสธความจริงในสังคมที่สิ้นหวัง #แดนลิเก” (@kandainthai)
น่าจะจริง
ฤๅว่าคนไทยในประเทศกำลังเคว้งคว้างขาดวีรบุรุษอยู่พอดี อัศวินขี่รถถังกลายเป็นจำอวดหนังใหญ่
นารีขี่ม้าขาวก็หนีหายไร้ร่องลอย พี่ตูนมาบอดี้สแลมได้จังหวะชาวกรุงกำลังคลั่งฟิตเนส
เลยได้เป็นวีรบุรุษสมใจ พรรคทรงกลดว่าไง ทาบกิ่งหรือยัง