หลังจากที่เสียงข้างมากพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเสนอร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่
(เรียกว่า American Health Care Act) เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ศกนี้ เพื่อจะมาแทนที่กฎหมายประกันสุขภาพฉบับที่ออกโดยรัฐบาลโอบาม่า
(เรียกว่า Affordable Care Act หรือที่รู้จักกันในนาม Obamacare)
นอกเหนือจากสมาชิกพรรคเดโมแครทในสภาล่างผนึกกำลังกันพร้อมที่จะต้านร่าง
กม.ใหม่นี้เต็มที่ อ้างว่าจะทำให้ประชาชนเป็นสิบๆ ล้าน
ต้องหลุดไปจากระบบประกันสุขภาพ หรือไม่สามารถสุ้ราคาประกันสุขภาพอีกต่อไปได้
วันนี้ (๘ มีนาคม) หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์คไทมส์รายงานข่าวว่า
สมาชิกสภาผู้แทนฯ พรรครีพับลิกันสายอุดมการณ์อนุรักษ์นิยมจำนวนหนึ่งแสดงตนคัดค้านร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่กันบ้างแล้ว
อ้างว่าไม่ได้ยกเลิกระบบประกันสุขภาพแบบโอบาม่าอย่างที่พวกตนหวัง โดยเรียกร่าง
กม.ใหม่ว่า ‘Obamacare Lite’ หมายความว่ายังเป็นประกันสุขภาพแบบเดิม
แต่เบาลงเท่านั้น
สมาชิกสภาม้าร์ค เมโดวส์ แห่งรัฐน้อร์ธ แคโรไลน่า หนึ่งในกลุ่มอนุรักษ์ที่ไม่เห็นด้วยกับร่างฯ
ใหม่เผยว่า รองประธานาธิบดีไม้ค์ เพ้นซ์ พูดถึงร่างฯ ใหม่ว่าเป็น “งานที่ยังไม่เสร็จ”
ย่อมหมายถึงจะต้องมีการแก้ไขร่างฯ นี้ “บางทีอย่างมากเสียด้วย”
อย่างไรก็ดีสำหรับผู้ที่ชอบที่จะหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ด้วยภาษาไทย
เราได้แปลบทความอีกชิ้นหนึ่งของหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์คไทมส์ ซึ่งให้รายละเอียดเกี่ยวกับร่างฯ
ใหม่ โดยชี้จุดที่มีการยกเลิก เปลี่ยนแปลง และคงของเดิม จากโอบาม่าแคร์ ไว้อย่างดีมาก
(ส่วนท่านที่พอใจจะอ่านในภาษาอังกฤษ กรุณาไปที่ลิ้งค์ https://www.nytimes.com/interactive/2017/03/06/us/politics/republican-obamacare-replacement.html?=)
ส่วนต่างๆ
ของโอบาม่าแคร์ที่สมาชิกสภาล่างพรรครีพับลิกันจะคงไว้ เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิก
โดย เฮยูน พ้าร์ค และ มาร์โก แซงเกอร์-ค้าทซ์
เมื่อวันจันทร์สมาชิกสภาผู้แทนพรรครีพับลิกันเปิดเผยร่างกฎหมายที่จะมา
‘ยกเลิกและทดแทน’ (Repeal and Replace) กฎหมายประกันสุขภาพที่ซื้อหาได้ (Affordable Care Act) หรือที่รู้จักกันในนาม
‘โอบาม่าแคร์’
ร่าง กม.นี้จะเปลี่ยนหลักการพื้นฐานของการซื้อประกันสุขภาพ
สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับการประกันสุขภาพผ่านทางนายจ้าง
และยังจะยกเลิกข้อบังคับให้ประชาชนส่วนใหญ่ต้องมีประกันสุขภาพ
อันเป็นหลักใหญ่หัวใจของ Affordable Care Act
ภายใต้โอบาม่าแคร์ มีข้อบังคับสำหรับรายบุคคล
(Individual Mandate) ที่กำหนดให้ผู้สามารถซื้อหาประกันสุขภาพได้จะต้องมีประกันสุขภาพ
มิฉะนั้นต้องถูกปรับในเรื่องภาษีอากร บทบัญญัติส่วนนี้มุ่งหมายที่จะทำให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยสามารถมีการประกันสุขภาพได้
แต่ร่าง กม.ของรีพับลิกัน ให้ยกเลิกข้อนี้
ซึ่งหมายความว่าผู้ที่ไม่ยอมซื้อประกันสุขภาพจะไม่ต้องถูกปรับ ผลกระทบอย่างหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ก็คือ
คนที่มีสุขภาพดีแล้วจะไม่ค่อยซื้อประกันสุขภาพกันนัก
ผลักดันให้ราคาค่าประกันสุขภาพถีบตัวสูงขึ้น
โดยเฉพาะต่อผู้ที่ต้องการประกันสุขภาพมาก เช่นคนสูงอายุและคนป่วย
ในการแก้ปัญหานี้ ร่างฯ
รีพับลิกันเสนอให้มี ‘ข้อเอื้ออำนวยให้คงหลักประกันอย่างต่อเนื่อง’
ด้วยการคิดค่าปรับจำนวน ๓๐ เปอร์เซ็นต์สำหรับผู้ที่ปล่อยให้ประกันสุขภาพของตนขาดอายุความลง
ข้อบังคับสำหรับนายจ้าง
ภายใต้โอบาม่าแคร์ บริษัทใหญ่ๆ จะต้องอำนวยประกันสุขภาพแก่ลูกจ้าง ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกลงโทษปรับเป็นจำนวนเงิน
แต่ร่าง กม.ของรีพับลิกันให้ยกเลิกบทนี้ไป
การช่วยเหลือสำหรับผู้ที่ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าประกันสุขภาพเอง
ภายใต้โอบาม่าแคร์รัฐบาลกลางมีการลดหย่อนภาษีให้ด้วยเครดิต เพื่อจะช่วยแบ่งเบาสัดส่วนที่จะต้องจ่าย
(deductibles) และอัตราค่าบริการ (co-payments) ร่างฯ
ของพรรครีพับลิกันจะยกเลิกบทนี้ในปี ค.ศ. ๒๐๒๐
การช่วยออกค่าประกัน
ภายใต้โอบาม่าแคร์รัฐบาลกลางช่วยผ่อนผันภาษีสำหรับคนอเมริกันรายได้ปานกลาง
ตามตารางแยกแยะรายได้ เพื่อจะช่วยค่าใช้จ่ายในด้านค่าประกัน (Premium) และสัดส่วนที่ต้องจ่าย
ร่างฯ ของรีพับลิกันปรับเปลี่ยนระเบียบแจกจ่ายเงินอุดหนุนเสียใหม่โดยคำนวณเงินที่จะให้ตามเกณฑ์อายุ
ไม่ใช่ตามรายได้ ส่วนเครดิตลดหย่อนภาษีเปิดโอกาสให้เต็มที่ สำหรับส่วนบุคคลรายได้น้อยกว่า
๗๕,๐๐๐ ดอลลาร์ต่อปี และครอบครัวรายได้ไม่เกิน ๑๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์ แต่สำหรับผู้มีรายได้สูงนั้นเครดิตถูกจำกัดตามสัดส่วน
คือบุคคลอายุต่ำกว่า ๓๐ ได้คนละ ๒,๐๐๐ ดอลลาร์ ถ้าอายุ ๖๐ ขึ้นไป ได้เพิ่มเป็นสองเท่าตัว
และตามร่างฯ รีพับลิกันนี้จะขยายวงของประกันสุขภาพที่เข้าข่ายได้รับเงินอุดหนุนด้วย
การขยายขอบข่ายเมดิเคด (Medicaid = โครงการเกื้อหนุนด้านสุขภาพจากรัฐบาลกลาง)
ภายใต้โอบาม่าแคร์ มลรัฐกว่า ๓๐
แห่งขยายขอบข่ายผู้ที่มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางด้วยการเพิ่มเกณฑ์คุณสมบัติไปสู่ผู้ที่มีรายได้สูงกว่าเส้นแบ่งความยากจน
ไปที่ ๑๓๘ เปอร์เซ็นต์
ร่างฯ รีพับลิกันยอมให้มลรัฐที่ขยายขอบข่ายเมดิเคดแล้วนั้น
ยังคงดำเนินการต่อไป และยินยอมให้สามารถรับงบประมาณอุดหนุนของรัฐบาลกลางภายใต้ดอบาม่าแคร์ต่อไปได้จนถึงปี
ค.ศ. ๒๐๒๐ แต่ว่างบประมาณสนับสนุนของรัฐบาลกลางจะเริ่มลดลงตั้งแต่ปี ค.ศ. ๒๐๒๐
สำหรับคนที่เริ่มมีคุณสมบัติเข้าข่ายในปีนั้น หรือคนที่ออกไปจากโครงการแล้วกลับเข้าไปใหม่
ร่างฯ กม.ใหม่ยังกำหนดให้จำกัดอัตราการให้งบประมาณช่วยเหลือของรัฐบาลกลางต่อบุคคล โดยคำนวณเอาจากจำนวนงบประมาณที่แต่ละมลรัฐได้ใช้จ่ายไปในปี
ค.ศ. ๒๐๑๖
บัญชีเงินสะสมเพื่อสุขภาพ
ภายใต้โอบาม่าแคร์ ในปี ๒๐๑๗ นี้ บุคคลสามารถใส่เงินสะสมไว้ในบัญชีเพื่อสุขภาพ ๓,๔๐๐
ดอลลาร์ต่อรายบุคคล และ ๖,๗๕๐ ดอลลาร์ ต่อครอบครัวได้โดยไม่ต้องเสียภาษี
ร่างฯ
ใหม่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยยอมให้ทำการฝากเงินปลอดภาษีเข้าบัญชีเพื่อสุขภาพ
ในจำนวนที่มากขึ้น
และอนุญาตให้คู่สมรสช่วยเสริมเติมบัญชีสะสมเพื่อสุขภาพนี้ได้ด้วย เริ่มในปี ๒๐๑๘
อัตราสูงสุดที่จะฝากเงินเข้าบัญชีนี้สำหรับรายบุคคลอยู่ที่ ๖,๕๕๐ ดอลลาร์ และ
๑๓,๑๐๐ ดอลลาร์สำหรับครอบครัว
ข้อจำกัดที่ห้ามเรียกเก็บค่าประกันสุขภาพมากขึ้นจากผู้ซื้อประกันชาวอเมริกันสูงอายุ
ภายใต้โอบาม่าแคร์ กำหนดว่า โครงการประกันสุขภาพจะคิดค่าประกันจากผู้ซื้อที่อายุมากที่สุดได้
ไม่เกินสามเท่าของราคาที่ขายให้แก่ลูกค้าอายุน้อยที่สุด
ตามร่างฯ ใหม่ปรับเปลี่ยนให้ผู้ให้ประกันสุขภาพคิดค่าบริการต่อลูกค้าสูงอายุได้
๕ เท่าของราคาที่เก็บจากผู้ซื้อประกันอายุน้อยที่สุด นอกจากนี้ยังมอบอำนาจให้แก่มลรัฐในการกำหนดอัตราการเก็บค่าประกันสุขภาพภายในท้องที่ของตน
การพ่วงผู้พึ่งพา (dependent) ในกรมทัณฑ์ประกันสุขภาพ จนกระทั่งอายุ
๒๖ ภายใต้โอบาม่าแคร์ลูกๆ
สามารถพ่วงอยู่ในโครงการประกันสุขภาพของบิดามารดาได้จนถึงอายุ ๒๖ ปี ข้อนี้ร่างฯ กม.
ใหม่ของรีพับลิกันยังคงไว้อย่างเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
เกี่ยวกับสถานะทางสุขภาพของผู้ซื้อประกันก่อนเข้าโครงการ
ภายใต้โอบาม่าแคร์กำหนดว่าผู้ให้ประกันจะต้องรับทุกๆ คนเข้าโครงการโดยไม่เกี่ยงสภาพร่างกายและโรคประจำตัวของผู้ซื้อประกัน
และยังห้ามบริษัทขายประกันสุขภาพตั้งราคาสูงสำหรับผู้ซื้อที่มีโรคติดตัวด้วย
นี่ร่างฯ กม.ใหม่ก็คงไว้อย่างเดิมทุกอย่างเช่นกัน
การอำนวยประโยชน์ทางสุขภาพที่จำเป็น
ภายใต้โอบาม่าแคร์ผู้ให้บริการประกันสุขภาพต้องอำนวยประโยชน์ต่อผู้ซื้อบริการ ๑๐
ประเภทที่จำเป็น อาทิเช่น การดูแลสตรีมีครรภ์ และบริการรักษาสุขภาพเพื่อป้องกันโรคร้าย
(Preventive Care) เป็นอีกรายการของโอบาม่าแคร์ที่ร่างฯ
ประกันสุขภาพฉบับรีพับลิกันเก็บเอาไว้ต่อไป
การห้ามกำหนดข้อจำกัดทั้งรายปีและตลอดช่วงชีวิต
ภายใต้โอบาม่าแคร์ผู้ให้ประกันสุขภาพถูกห้ามกำหนดข้อจำกัดที่ว่า
จะจ่ายค่าดูแลสุขภาพต่อคนใดคนหนึ่งได้มากน้อยแค่ไหน ในร่างฯ
ของพรรครีพับลิกันก็คงบทบัญญัติข้อนี้ไว้เช่นกัน