กรณีธรรมกายจะจบอย่างไร
ชำนาญ จันทร์เรือง
ผมเชื่อว่าทุกคนที่ติดตามข่าวการใช้
ม.44 ต่อวัดธรรมกายอยากรู้ว่ากรณีนี้จะจบลงอย่างไร
เพราะยิ่งนานวันเข้าความยุ่งยากยิ่งตามมา
มิหนำซ้ำยังเกิดกรณีการกระทำอัตวินิบาตกรรมของคุณอนวัช ธนเจริญณัฐ ขึ้นมาอีก
การแตกแยกทางความคิดต่อกรณีธรรมกายกระจายไปอย่างกว้างขวาง
แน่นอนว่ามีทั้งสนับสนุนและคัดค้าน
ประหนึ่งว่าเราได้หวนกลับไปสู่ยุคกีฬาสีขึ้นอีกครั้ง แต่เปลี่ยนคู่ขัดแย้งใหม่
คือฝ่ายที่เห็นด้วยกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ ม.44 ต่อวัดธรรมกาย
ความเป็นไปเป็นมาและสาเหตุของการใช้
ม.44 นั้นมีผู้ให้ความเห็นไว้มากแล้ว ผมคงจะให้ความเห็นเพียงสั้นๆ ว่าเป็นเรื่องของการเมือง
100 เปอร์เซ็นต์
เพราะลำพังการมุ่งที่จะจับกุมพระรูปหนึ่งที่จากฐานความผิดฟอกเงินและรับของโจรนั้นคงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้
ม.44 แต่อย่างใด
แต่เมื่อเจ้าหน้าที่พยายามเข้าจับกุมถึง
2 ครั้งแต่ไม่สามารถทำได้ จึงถูกมองว่าเป็นการท้าทายอำนาจรัฐ ซึ่งในที่นี้ก็คือรัฐบาล
คสช.นั่นเอง คสช.จึงยอมไม่ได้ที่จะปล่อยให้ลอยนวลต่อไป
แต่ประเด็นที่ตามมาก็คือ
คสช.ตั้งโจทย์ถูกหรือไม่ ใช้คนหรือหน่วยงานตรงกับภารกิจหรือไม่ ถ้าตรง ผลที่ตามมาก็ย่อมที่จะประสบความสำเร็จ
และถ้าไม่ตรง ผลที่ตามมาก็ย่อมที่จะประสบความล้มเหลว
และสิ่งจะตามมาภายหลังจากความล้มเหลวก็คือ ความเสียหายอันไม่อาจคาดเดาได้นั่นเอง
ใช้
ม.44 เหมาะสมแก่กรณีหรือไม่
แม้ว่า
หน.คสช.จะยืนยันว่าการใช้ใช้ ม.44 ในกรณีนี้เหมาะสมแล้ว เพราะเหตุที่ใช้กฎหมายปกติไม่ได้ผล
ซึ่งผมเห็นว่าเป็นการใช้ยาที่แรงเกินขนาดของอาการ
เพราะมีการปิดทางเข้าออกทำให้ประชาชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อนเสียหาย
ในความเห็นของผม ช่องทางตามกฎหมายปกตินั้นสามารถกระทำได้อยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นช่องทางตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
พรก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ (ซึ่งผมก็ยังเห็นว่าแรงไปอยู่ดี) ฯลฯ
ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ทำไมถึงจับไม่ได้ มันอยู่ที่ทำไมไม่เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาต่อพระธรรมชโยที่วัดธรรมกาย
ซึ่งสามารถทำได้อยู่แล้ว และที่ผ่านมาพระธรรมชโยก็มีหลายคดีติดตัวซึ่งอยู่ในการพิจารณาของศาลโดยไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใด
เหตุผลที่สำคัญก็คือการกระเหี้ยนกระหือรือที่จะจับสึก
โดยวิธีการที่ส่อแสดงให้เห็นว่าจะไม่ได้รับการประกันตัว
จึงเป็นที่มาของการไม่ยอมเข้ามอบตัวเพราะกลัวการถูกจับสึก ซึ่งในทางพระก็ถือว่าคือการประหารชีวิตนั่นเอง
ยังมีคำถามต่ออีกว่าทำไมกรณีพระพิมลธรรมในอดีต แม้ว่าจะถูกดึงผ้าเหลืองออกจากกายแล้วท่านก็ยังนุ่งผ้าขาวต่อไป จนในที่สุดของการพ้นข้อกล่าวหา
คำตอบก็คือกระบวนการยุติธรรมที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้นไม่มีหลักประกันใดๆ ที่สร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ต้องหาว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้
ฉะนั้น
ผลลัพธ์อันหนึ่งของการใช้ ม.44 ในกรณีนี้ก็คือ มีคนตายเกิดขึ้นแล้ว คือคุณอนวัช
ธนเจริญ แม้ว่าจะมิได้เกิดจากการใช้กำลังโดยตรงก็ตาม
ใช้เจ้าหน้าที่เหมาะสมถูกต้องหรือไม่
ในกรณีนี้ต้องแยกเป็น
2 ประเด็น ประเด็นแรกเป็นกรณีการเข้าจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งคดีนี้ถูกจัดให้เป็นคดีพิเศษ การใช้เจ้าหน้าที่คดีพิเศษแล้วตำรวจให้การสนับสนุนนั้นก็ถูกต้องแล้ว
แต่ปัญหาก็คือมีการใช้เจ้าหน้าที่เป็นหลายพันคน
มิหนำซ้ำยังมีกำลังเจ้าหน้าที่ทหารปรากฏตามภาพข่าวเผชิญหน้ากับพระสงฆ์ นั้นดูอย่างไรก็ไม่เหมาะ
ส่วนประเด็นที่สองเกี่ยวกับการบริหารจัดการของวัดธรรมกาย
ตลอดจนคำสั่งสอนที่ถูกโจมตีว่าบิดเบือนไม่ใช่ “พุทธแท้” และจะต้องถูกทำลายลงหรือทำให้ถูกต้อง นั้นย่อมมิใช่เรื่องของฝ่ายบ้านเมืองหรือฝ่ายอาณาจักรอย่างแน่นอน
แต่เป็นเรื่องขององค์กรสงฆ์ซึ่งในที่นี้ก็คือมหาเถรสมาคม
เพราะวัดธรรมกายสังกัดคณะสงฆ์ไทยภายใต้ พรบ.คณะสงฆ์ฯ
การใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมหรือยึดวัดพระธรรมกายซึ่งถือว่าเป็นศาสนสถาน
ย่อมเกิดภาพที่ไม่ดีต่อชาวโลก เพราะถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของการนับถือศาสนาอย่างร้ายแรง
ดังจะเห็นได้จากแถลงการณ์ขององค์กรศาสนาต่างประเทศหลายๆ องค์กรและองค์กรสิทธิมนุษยชนด้วย
แล้วจะจบลงอย่างไร
ผมคิดว่ากรณีนี้คงไม่ต่างจากกรณีที่เกิดมาในอดีตของไทย
ไม่ว่าจะเป็นกรณีพิพาทระหว่างธรรมยุตินิกายกับมหานิกาย หรือระหว่างมหาเถรสมาคมกับสันติอโศก
และกรณีนี้หลายคนก็มองไปว่าเป็นกรณีพิพาทระหว่างพระธัมมชโยกับพระพุทธอิสระ
ซึ่งจะหาใครแพ้ชนะได้โดยเด็ดขาดยาก
ตัวพระธัมมชโยเองนั้นในที่สุดก็คงต้องหนีออกนอกประเทศไป
ในประเทศไทยเราที่เงินสามารถซื้อได้เกือบทุกอย่างนี้สามารถทำได้อยู่แล้ว
แต่ในส่วนของวัดธรรมกายเองซึ่งมีสาขาอยู่ถึง 84 สาขาใน 31 ประเทศทั่วโลก
และวัดธรรมกายเองก็เป็นนิติบุคคล รัฐไม่สามารถจะไปทำอะไรได้มากนัก แม้ว่าจะใช้
ม.44 อีกก็ตาม
กองกำลังอะไรต่างๆ
ก็ต้องถอนออกมาเพราะไม่มีเหตุที่จะต้องคงกำลังอยู่ต่อไป เพราะจะตอบคำถามไม่ได้ว่าตกลงจะจับพระธัมมชโยหรือจะยึดธรรมกายกันแน่
กล่าวโดยสรุป
กรณีนี้ไม่มีใครชนะไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลคสช.หรือธรรมกาย มีแต่แพ้ทั้งคู่
รัฐบาลคสช.เองที่ใช้ ม.44 ก็แพ้เพราะใช้ ม.44 แล้วไม่ได้ผล
วัดธรรมกายเองก็แพ้เพราะทำให้ผู้คนที่ไม่เคยรู้ว่าธรรมกายใช้วิธีการถ่ายทอดธรรมะและหารายได้ด้วยวิธีการแปลกประหลาดมหัศจรรย์จนแทบไม่น่าเชื่อว่าผู้คนจะสละทรัพย์สินเงินทองจนหลายรายหมดเนื้อหมดตัวไปได้ถึงขนาดนี้ก็ได้รู้
รัฐบาล
คสช.ต้องเร่งพิจารณาทบทวนว่าการใช้ ม.44 นั้นไม่เหมาะสม
และวัดธรรมกายเองก็ต้องทบทวนท่าทีและยุทธวิธีที่ตอบโต้ต่อการจัดการของรัฐเช่นเดียวกัน
เพราะการปิดกั้นไม่ยอมให้ตรวจค้นนั้นย่อมแสดงถึงเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์อย่างแน่นอน
-----------
หมายเหตุ เผยแพร่ครั้งแรกในกรุงเทพธุรกิจฉบับประจำวันพุธที่
1 มีนาคม 2560