“ที่จริงไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องมาชดใช้ความผิด แต่ผมก็จะชดใช้ เพราะผมอยากอยู่กับหลานๆ” ข้ออ้างกำกับประกาศ “กลับไทยแน่ หลังเลือกตั้ง ๖๖ พร้อมรับโทษจำคุกในไทย” ซึ่ง Somsak Jeamteerasakul สับทันที
“จะยอมติดคุกสักระยะหนึ่ง แล้วนิรโทษกรรม โดยรวมแล้วก็จะติดอยู่ไม่กี่วันกี่สัปดาห์” สศจ.ว่าเป็นดีล “กับคนระดับบน” ซึ่ง “ต้องได้แลนด์สไลด์ก่อน เพื่อพิสูจน์ว่ามีแต่พรรคเขาเท่านั้นที่ประชาชนไว้ใจ” ใช่ว่าจะข้ามกระบวนการยุติธรรมไปได้เลย
และยังต้อง “ใช้กระบวนการยุติธรรมจริงๆ ไม่ใช่ระบบศาลเตี้ย” จึงจะผ่านอย่าง ‘เท่ๆ’ ไม่ใช่รวบหัวหางด้วยนิรโทษกรรมเหมาเข่ง แล้วในที่สุดก็โดน ‘หัก’ ไม่ได้ไปสุดซอยในที่สุด “จนนำมาสู่ความพ่ายแพ้ทั้งกระดาน” ดัง Thanapol Eawsakul งัดขึ้นมาจี้
เขาพาดถึงการเลือกตั้งครั้งนี้ที่จะมีในกลางเดือนพฤษภาคม ว่าเป็นการแข่งขันระหว่างสองอุดมการณ์ ‘กษัตริย์นิยม’ ฝั่งหนึ่งเป็น “แบบถวายคืนพระราชอำนาจ/พระราชทรัพย์” อีกฝั่ง “แบบเสรีประชาธิปไตย” ซึ่งพรรคของทักษิณอยู่ในพวกแรก
ธนาพลยังยกเอากรณีต่างๆ ของการถวายคืนอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นแก้รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ตามพระราชดำริหลังผ่านประชามติแล้ว การโอนทรัพย์สินจาก ‘ส่วนพระมหากษัตริย์’ ไปเป็น ‘ส่วนพระองค์’ เช่นกันกับการโอนกำลังพลทหารราบ ๒ กรม เป็น ‘ราชวัลลภ’
รวมทั้งการงบประมาณให้สถาบันกษัตริย์เป้นประจำทุกปี และออกกฎหมายสงฆ์ฉบับใหม่ “ที่อำนาจในการแต่งตั้งเป็นไปโดยพระราชอัธยาศัย” และที่หนักหนาถึงขั้น ‘ขัดรัฐธรรมนูญ’ ก็คือการบังคับใช้กฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ เมื่อตุลาการห้ามประกันตามอำเภอใจ
ขณะที่ฝั่งเสรีประชาธิปไตย จากตัวอย่างในประเทศที่ยังมีกษัตริย์อื่นๆ เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น สวีเดน นอร์เวย์ จะไม่ยอมให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนภายใต้สถาบันกษัตริย์ในลักษณะนี้ ในประเทศไทยมีแต่พรรคก้าวไกลเท่านั้น ที่เข้าไปแตะเรื่องพื้นฐานเหล่านี้
“เที่ยวนี้ขอแก้ไขในสภาก่อน ถ้าสภายังไม่เอาด้วยค่อยเข้าร่วมยกเลิก” จึงเป็นการวางบทบาทของพรรคเขาอย่างเหมาะเจาะกับสภาพเป็นจริงที่จะมีมา ว่าการไม่แตะอำนาจล้นเกินของ ม.๑๑๒ จะไม่ลดละในรัฐบาลหน้า
(https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/SYSuTJW และ https://www.facebook.com/somsakjeam/posts/gNpAvJYGB)
