มีผู้สมัคร สว.๖๗ อีกคนออกมาโวยเรื่องการทุจริต ไม่โปร่งใส และ กกต.หละหลวมในกระบวนการเลือก ซึ่งถูกวิพากษ์มากล้นว่าซับซ้อนพิสดารเกินควร จาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ บอกจะยื่นศาลปกครองให้ไต่สวนฉุกเฉิน และยับยั้งการประกาศผลชั่วคราว
รูปการณ์อยู่ที่อย่างน้อยๆ กกต.จะต้องขยับทำอะไรสักอย่างเพื่อสนองเสียงเรียกร้องเหล่านี้ เปิดการตรวจสอบเฉพาะบางกรณีที่ถูกร้อง แต่คงไม่ถึงขั้นเข้าไปไล่เรียงกรรมวิธีและขั้นตอนต่างๆ ดูท่าแล้ว กกต.คงจะดึงดันไปสู่การประกาศผลจนได้
แต่ปัญหาของวุฒิสภาไทยในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมามีมากกว่า การคัดเลือกหรือสรรหาให้ได้มาซึ่ง สว.ไม่ต้องตามหลักการ ‘ตัวแทนประชาชน’ เฉกเช่นที่วุฒิสภาก็ควรเป็น ทั้งครั้งนี้และครั้งก่อนล้วนออกแบบมาให้รักษาและสืบทอดอำนาจรัฐประหาร
เสียงเรียกร้องให้ยกเลิกการมีสภาที่สอง ซึ่งอ้างว่าเป็นสภาของผู้ทรงคุณวุฒิ (แต่แท้จริงไม่เคยได้เป็นเช่นนั้น) มีมานานพอสมควร และมีอยู่ตราบเท่าที่การสืบทอดอำนาจรัฐประหารยังทำงานของมันอยู่มิขาดสาย ครั้งนี้ก็เช่นกัน
เสียงเรียกร้องให้ยกเลิกวุฒิสภาได้แล้ว มีทั้งเกี่ยวเนื่องกับเจตนาซ่อนเร้นจำบังของการจัดตั้งวุฒิสภา และที่เป็นแนวคิดอิสระ จากผลพวงแห่งการมีสภาที่สองคอยกำกับ และกำชับอำนาจของฝ่ายทหาร ชนชั้นนำ และศักดินา มาช้านนาน
การทำโพลเกี่ยวกับ “ยกเลิก สว.เสียทีดีไหม” ริเริ่มโดย ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ผลออกมาชี้ว่าวุฒิสภาไทยไร้ค่า ไม่น่าเชื่อถือ และขัดขวางการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศ
จากตัวอย่างผู้ให้ความเห็นกว่า ๔ พันคน ซึ่งนักศึกษา ๑๒๗ คนออกไปสัมภาษณ์ใน ๔๗ จังหวัดทั่วประเทศ นั้นบ่งชัดว่า กว่า ๖๐ เปอร์เซ็นต์ อยากให้ยกเลิกสภาที่สองนี้ไปเสีย ส่วนใหญ่อยู่ในภาคอีสาน ความรู้ระดับปริญญาตรี และเป็นนักศึกษา
ทั้งที่ขอบข่ายของผลโพลนี้ยังไม่หลากหลายมากนัก แต่การเจาะเข้าถึงตัวอย่างกว้างขวางพอประมาณ ทำให้เป็นตัวแทนเสียงเรียกร้องที่ดังพอสมควรทีเดียว หากการยื่นคำร้องยับยั้ง สว.๖๗ สำเร็จ นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่การยกเลิก สว.ในอนาคต ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล
(https://prachatai.com/journal/2024/07/109771 และ https://thansettakij.com/politics/600576)