น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) นำทีมแถลงผลงานของพรรคในช่วง 10 เดือน
10 เดือน รัฐบาลเพื่อไทย แพทองธาร ยืนยัน "ตัดสินใจถูก" จัดตั้งรัฐบาลผสม
3 พฤษภาคม 2024
บีบีซีไทย
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) นำทีมแถลงผลงานของพรรคในช่วง 10 เดือนของการจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน ชูนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต สร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจ 4 รอบ และใช้เวทีแถลงผลงานของพรรค กล่าวถึงอุปสรรคด้านนโยบายทางการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
พรรคเพื่อไทยใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง ในการแถลงผลงานในช่วง 10 เดือน ภายใต้การนำของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในหลายด้าน โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวในช่วงแรกว่า พรรคเพื่อไทย "ตัดสินใจถูกต้องมาก" ในการจัดตั้งรัฐบาลผสม เมื่อ 10 เดือนที่แล้ว
"ถ้าไม่เลือกจัดตั้งรัฐบาลผสม คงไม่มีโอกาสที่จะเริ่มแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่สะสมเป็นเวลานาน" น.ส.แพทองธาร กล่าว
ในการกล่าวเปิดของ น.ส.แพทองธาร ได้เน้นย้ำถึงการขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรค ตั้งแต่การเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท การขึ้นค่าแรง 400 บาททั่วประเทศ ในวันที่ 1 พ.ค. การปรับโครงสร้างของส่วนราชการและการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ประเทศไทยกลับมาเป็นฮับของการบินและการเงินของอาเซียน รวมทั้ง การเจรจาการค้ากับต่างประเทศที่นำโดยนายเศรษฐา
ในช่วงหนึ่ง หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้กล่าวถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า การที่กฎหมายได้พยายามทำให้ ธปท. เป็นอิสระจากรัฐบาล เป็นอุปสรรคอย่างมากในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เนื่องจากนโยบายด้านการคลังถูกใช้งานด้านเดียวมาโดยตลอด จนทำให้หนี้สูงขึ้นทุกปี จากการตั้งงบประมาณขาดดุล ในขณะที่ประเทศไทยมีหนี้ที่สูงขึ้นทุกปี
"ถ้านโยบายทางการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ยอมเข้าใจ และไม่ยอมให้ความร่วมมือ ประเทศจะไม่มีทางลดเพดานหนี้ได้" น.ส.แพทองธารกล่าว
การกล่าวถึง ธปท. ของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในวันนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลประกาศความชัดเจนของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา ก่อนตามมาด้วยการส่งหนังสือด่วนถึงคณะรัฐมนตรีของ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่เสนอให้ทบทวนกลุ่มเป้าหมายของโครงการว่า ควรให้เฉพาะกลุ่มผู้เปราะบาง 15 ล้านคน และแสดงความกังวลถึงผลกระทบต่อภาระทางการคลังในระยะยาว รวมทั้งผลกระทบต่อโครงการระยะยาวที่แก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างในด้านต่าง ๆ
ด้านนายเศรษฐา กล่าวว่าในช่วงเกือบ 1 ปีที่ก้าวเข้ามาอยู่ในพรรคเพื่อไทย ได้ฟังปัญหาของประชาชนตั้งแต่ช่วงเลือกตั้ง ผ่านช่วงจัดตั้งรัฐบาลที่ถือเป็นช่วงเจ็บปวด แต่เชื่อว่าหลังจากเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้ว รัฐบาลได้ทำอย่างเต็มที่ และเชื่อว่า 10 เดือนที่ผ่านมามีผลงานเป็นที่ประจักษ์
"ถ้าเราไม่ได้มาวันนี้ ป่านนี้เรื่องฟรีวีซาจีนไปถึงไหนก็ไม่รู้ การท่องเที่ยวคิดเป็น 20% ของจีดีพีไทยเป็นอย่างน้อย" นายเศรษฐากล่าว
นายเศรษฐา กล่าวต่อไปว่า การเดินทางไปเปิดการเจรจาการค้ายังต่างประเทศ 14 ครั้ง เหนื่อยยาก ลำบาก เพราะประเทศไทยไม่ได้อยู่ในเวทีโลกมาเป็นเวลานาน จึงต้องไปประกาศว่า ประเทศไทยพร้อมแล้วสำหรับการค้าการลงทุน
"เมื่อวานนี้ (2 พ.ค.) ไมโครซอฟต์ ประกาศมาลงทุนในประเทศไทย แต่ก็มีคนไปเปรียบเทียบกับมาเลเซีย อินโดนีเซีย ว่าเขาประกาศตัวเลข แต่ของเราไม่ประกาศตัวเลข ด้วยความเคารพ ของเขาเป็นสเตจ 2 (ระยะที่ 2) ของเราเป็นสเตจ 1 (ระยะที่ 1) มี 1 เดี๋ยวก็มี 2 มา ผมมั่นใจว่าการลงทุนจะทยอยตามมาอย่างต่อเนื่อง" นายเศรษฐากล่าว
นายกฯ ยังกล่าวถึงความพยายามแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชนว่า รัฐบาลได้เจรจากับธนาคารใหญ่เพื่อลดดอกเบี้ยให้กับประชาชน
"ถ้าเกิดเราไม่อยู่ตรงนี้ คงไม่มีใครไปพูดคุยกับท่านผู้ว่าแบงก์ชาติให้ลดดอกเบี้ย ท่าน (ผู้ว่าการ ธปท.) ยึดความเป็นอิสระเป็นหลัก แต่ผมก็พูดแล้วว่า อิสระไม่ได้หมายความว่าอิสระจากความทุกข์ประชาชน ก็พูดไปด้วยวาจาที่สุภาพในฐานะผู้ใหญ่ที่พูดคุยกัน ถ้าเกิดท่านทำก็ดี ถ้าเกิดถ้าไม่ทำรัฐบาลก็หาวิธีอื่น จึงไปพูดคุยกับธนาคารอีก 4 แห่ง" นายเศรษฐา กล่าว
สำหรับการลดดอกเบี้ย นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่า รัฐบาลได้เจรจาขอลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% กับธนาคารจำนวน 11 ธนาคาร เพื่อช่วยลูกค้ารายเล็กกลุ่มเปราะบาง ซึ่งการลดดอกเบี้ยเริ่มต้นในวันที่ 1 พ.ค. โดยมาตรการจะมีอายุ 6 เดือน
ในการแถลงผลงานของพรรคเพื่อไทย ที่สมาชิกสลับสับเปลี่ยนขึ้นมาบรรยายในแต่ละด้าน ได้เน้นย้ำถึง การเสียโอกาส หากเพื่อไทยไม่จัดตั้งรัฐบาลผสม และคำวิจารณ์ของฝ่ายค้านต่อนโยบายหลายด้าน
เผ่าภูมิ โต้ดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ได้หมุนเข้าแต่มือ "เจ้าสัว"
โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต นโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย เพิ่งมีความชัดเจนถึงรายละเอียดโครงการและแหล่งเงินเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา
ความชัดเจนล่าสุดของวันที่โครงการนี้เริ่มขับเคลื่อน คือ ช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
นี่คือหนึ่งในโยบายที่พรรคเพื่อไทยนำมาแถลง โดยนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.กระทรวงการคลัง ระบุว่า โครงการนี้จะสร้างพายุหมุน 4 ลูกให้กับระบบเศรษฐกิจไทย ผ่านเม็ดเงิน 5 แสนล้านบาท พร้อมตอบโต้ฝ่ายค้านที่ตั้งข้อสังเกตว่า เม็ดเงินกำลังจะหมุนไปเข้ามือ "เจ้าสัว" ว่า เป็นการมองเศรษฐกิจที่ไม่ครบทั้งระบบ
"เราถูกตั้งคำถามเงินก้อนนี้กำลังจะหมุนไปไหน คำถามจากฝ่ายค้าน เงินจะเข้ารายใหญ่เจ้าสัวอย่างเดียวหรือไม่ นี่คือการมองระบบเศรษฐกิจที่ไม่ครบระบบ เพราะ เมื่อประชาชนเดินเข้าไปซื้อของร้านค้า จะส่งให้เกิดการผลิต การจ้างงาน ร้านค้าเป็นตัวกลางในการถ่ายทอดเม็ดเงินลงสู่หน่วยเศรษฐกิจที่เล็กที่สุด คือ ประชาชน"
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.กระทรวงการคลัง ใน ครม.เศรษฐา 1/1
นายเผ่าภูมิ ได้ไล่เรียงพายุหมุนแต่ละลูกที่ทีมงานพรรคเพื่อไทยคาดหวังว่าจะเกิดข ไว้ดังนี้
- พายุหมุนลูกที่ 1 จากประชาชนไปสู่ร้านค้า
- พายุหมุนลูกที่ 2 จากร้านค้าสู่ร้านค้า
- พายุหมุนลูกที่ 3 จากกำลังซื้อ-การผลิต วนกลับมายังร้านค้าอีกรอบ
- พายุหมุนลูก ที่ 4 พายุหมุนเทคโนโลยีที่เกิดจากแอปพลิเคชัน
รมช.คลัง อธิบายถึง ซูเปอร์แอปว่า จะมีลักษณะเป็นวอลเล็ตกลางขนาดใหญ่ เชื่อมกับธนาคารต่าง ๆ อย่างมากมาย ด้วยระบบโอเพนลูป ประชาชนที่มีแอปฯ ธนาคาร ไม่ว่าธนาคารใด จะปรากฏไอคอนดิจิทัลวอลเล็ตในแอปฯ ซึ่งสามารถใช้จ่ายผ่านแอปฯ ของธนาคารได้
“ซูเปอร์แอป” สร้างยากแค่ไหน ทำไมนักพัฒนาฯ กังวลความสามารถรัฐ
ธ.ก.ส. มีสภาพคล่อง-สถานะการเงิน แข็งแกร่ง พอไหม สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
รถไฟฟ้า 20 บาท ครบทุกสายปี 2568
น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังเข้ามาเป็นรัฐบาลไม่ถึง 1 เดือน กระทรวงคมนาคม สามารถปรับลดราคารถไฟฟ้า 2 สาย ให้เหลือ 20 บาท ตลอดสายได้สำเร็จ ได้แก่ สายสีม่วง และสีแดง และประกาศว่า จะทำให้รถไฟฟ้าทุกสาย ทุกสี มีราคาค่าเดินทางเหลือ 20 บาท ภายในปี 2568
"ภายในปีหน้า พี่น้องประชาชน เดินทางเปลี่ยนเส้นทางกี่เส้นทางก็ได้ และเข้าออกสายรถไฟฟ้าภายใน 30 นาที ด้วยราคา 20 บาทเท่านั้น" น.ส.ธีรรัตน์ กล่าว
น.ส.ธีรรัตน์ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปรับลดราคารถไฟฟ้าสายสีม่วงและสีแดง ส่งผลให้มีผู้โดยสารทั้ง 2 สาย เพิ่มขึ้น 18% และการปรับลดราคาไม่ได้เป็นเพียงการลดรายจ่ายให้กับประชาชน แต่เป็นการสร้างรายได้ให้กับภาครัฐด้วยอีกทางหนึ่ง จากการสร้างเศรษฐกิจใหม่ ๆ ในพื้นที่ที่รถไฟฟ้าไปถึง เกิดทำเล การค้าขาย และรัฐสามารถจัดเก็บภาษีที่ดินและภาษีอสังหาริมทรัพย์ได้ตลอดเส้นทาง
นอกจากนี้ รัฐบาลจะผลักดันพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตั๋วโดยสารร่วม เพื่อให้สามารถกำหนดราคาโดยสารในราคาถูกได้อย่างยั่งยืน จัดตั้งกองทุนสะสมรายได้เพื่อชดเชยส่วนต่างของค่าโดยสาร โดยจะขยายรวมไปถึง เรือ รถเมล์ และระบบ คมนาคมอื่น ๆ
นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลได้เดินหน้าเป้าหมายในการดำเนินโครงการศูนย์กลางการขนส่งของภูมิภาคหรือโลจิสติกส์ฮับ ซึ่งเป็นโครงการสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมาอีกครั้ง
เขาระบุว่า ที่ผ่านมาในช่วง 10 เดือน รัฐบาลได้เร่งรัดการก่อสร้างรถไฟรางคู่ทุกเส้นทาง เชื่อมต่อระบบราง ศูน์กลางเมืองหลวงไปยังเหนือ กลาง อีสานใต้ โดยภายในสิ้นปี 2567 รถไฟรางคู่จะก่อสร้างแล้วเสร็จรวมระยะทาง 614 กิโลเมตร พร้อมดำเนินการก่อสร้างระยะที่ 2-3 ทันที
สำหรับแผนการทางคมนาคมที่พรรคเพื่อไทยประกาศในระยะถัดไปได้แก่
- ภายในปี 2568 การก่อสร้างรถไฟทางคู่อย่างต่อเนื่อง จะช่วยลดระยะเวลาเดินทางได้ 30%
- ยกเลิกรถไฟร้อนชั้น 3 เปลี่ยนรถไฟร้อน เป็นรถไฟปรับอากาศทุกระบบ ทุกเส้นทาง เริ่มได้ในปี 2568
- เร่งรัดการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 โคราช-หนองคาย เพื่อเชื่อมการขนส่งจากไทย ที่ จ.หนองคาย ไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ของ สปป.ลาว จนถึงจีน
- ขยายท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เฟส 3
- เดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ สร้างท่าเรือน้ำลึกเพิ่มอีก 2 แห่ง ที่ จ.ระนอง และชุมพร
- เพิ่มประสิทธิภาพของสนามบินนานาชาติ 4 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต ภายในปี 2573 สามารถรองรับผู้โดยสารจากเดิม 110 ล้านคนต่อปี เป็น 150 ล้านคนต่อปี
- เดินหน้าศึกษาสนามบินแห่งใหม่ ได้แก่ สนามบินล้านนา และสนามบินอันดามัน
น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ สส.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า ในช่วง 7 เดือน ที่รัฐบาลตั้งคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ได้ส่งให้ภาพยนตร์ไทยและหนังสือไทยไปปรากฏโฉมในต่างประเทศแล้วหลายเรื่อง รวมทั้งซีรีส์วายที่กระทรวงพาณิชย์ผลักดันจน โดยอ้างว่าทำให้เกิดฐานคนดูในหลายประเทศ และล่าสุดการจัดเทศกาลมหาสงกรานต์ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าร่วมเทศกาลกว่า 1.9 ล้านคนในช่วง 21 วัน
น.ส.จิราพร ยังกล่าวถึงโครงการหนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ ว่าจะมีการเปิดให้ลงทะเบียนในเดือน มิ.ย. นี้ เธอกล่าวว่า นี่คือโครงการที่จะช่วยเปลี่ยนโครงสร้างรายได้ของประชาชนคนไทย ผ่านการพัฒนาทักษะในอุตสาหกรรมด้านต่าง ๆ เช่น อาหาร ภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์ ดนตรี กีฬา แฟชั่น หนังสือ โดยมีเป้าหมายพัฒนาทักษะแรงงานไทยและสร้างงานไม่ต่ำกว่า 20 ล้านตำแหน่ง พร้อมตั้งสถานีโทรทัศน์ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อให้คนไทยมีพื้นที่ในการแสดงศักยภาพ
สส.จากเพื่อไทย รายนี้ กล่าวว่า "ในปี 2570 เราจะเห็นสินค้า บริการ และศักยภาพของคนไทยทยอยเดินทางเข้าสู่ระดับโลก ระดับสากล อย่างต่อเนื่อง" โดยแจกแจงอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ในด้านต่าง ๆ ดังนี้
- ร้านอาหารไทย เพิ่มขึ้น 1 แสนร้าน ทั่วโลก
- มวยไทย ถูกสอนในยิม 1 แสนแห่ง
- หนังสือไทย ถูกแปล และขายใน ร้านหนังสือต่างประเทศ
- ศิลปินไทย วงดนตรีไทย ที-ป็อป จะต้องไปแสดงเวทีนานาชาติ
- จดทะเบียนไอพีหรือ ทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property : IP)เฟสติวัล เทศกาลสงกรานต์ไทย
- ภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สร้างกระแสความนิยม อย่างกว้างขวาง
- ประเทศไทย เป็นจุดหมายปลายทางของกองถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลก
น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ขึ้นกล่าวแถลงความคืบหน้าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ภายใน 4 ปีของรัฐบาล จะมุ่งหน้าให้มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้สำเร็จ
น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า การจะนำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่สามารถจะทำได้โดยง่ายและทำได้ในระยะเวลาอันสั้น เพราะรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศที่การแก้ไขต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วน อีกทั้ง กรอบกติกาของรัฐธรรมนูญปี 2560 ยังวางเงื่อนไขให้แก้ไขได้ยาก ดังนั้น ทุกจังหวะก้าวเดินไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องเดินอย่างมียุทธศาสตร์
พรรคเพื่อไทยจึงเดินยุทธศาสตร์ 2 ขา ทั้งผ่านคณะรัฐมนตรี ที่เสนอกร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และทางฝ่านนิติบัญญัติที่พรรค ยื่นแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ เพื่อรอการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว
น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า แม้อาจมีหลายฝ่าย "ไม่ถูกใจ" เกี่ยวกับคำถามในการประชามติและจำนวนครั้ง [ในการทำประชามติ] แต่ยืนยันว่า ยุทธศาสตร์ที่ค่อย ๆ ก้าวเดินดีกว่าการเร่งรีบจนอาจเกิดเหตุที่ทำให้ต้องอยู่กับรัฐธรรมนูญฉบับเดิมอีกหลายปี
"การค่อย ๆ เดินไปทีละนิดการค่อย ๆ สะสม ชัยชนะไปทีละขั้นตอน ย่อมดีกว่าการรีบเร่งเข้าสู่เส้นชัยแล้วสะดุดหยุดล้มกลางทาง เพราะนั่นหมายความว่าจะคว้าน้ำเหลว"
สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ล่าสุด อยู่ในขั้นของการพิจารณาว่า จะแก้ไขกฎหมายประชามติอย่างไรและกี่ครั้ง โดยรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา เตรียมเดินหน้าเสนอแก้ไขกฎหมายประชามติ ยกเลิกระบบ “เสียงข้างมาก 2 ชั้น” หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เคาะให้ทำประชามติ 3 ครั้ง เพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
การแถลงของพรรคเพื่อไทย ยังได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ในนามของพรรคเพื่อไทย จำนวน 9 คน 9 จังหวัด ในภาคเหนือและอีสาน ได้แก่ ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ สุโขทัย นครพนม มหาสารคาม ยโสธร และอุดรธานี โดยว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.พะเยา ได้แก่ นายอัครา พรหมเผ่า น้องชายของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
https://www.bbc.com/thai/articles/cw94gjzn99zo