วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 16, 2567

อีกแล้ว #หมอเหรียญทอง ได้ประกาศความจงรักภักดี ต่อกรณีตบเด็กวัย ๑๔ แอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำ รพ.มงกุฏวัฒนะ แล้วจับแก้ผ้าประจาน

ฟัง เหรียญทอง แน่นหนา ให้สัมภาษณ์กรณีตบหน้าเด็กชายวัย ๑๔ ปี แอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำโรงพยาบาลมุงกุฏวัฒนะ ที่เขาเป็นผู้อำนวยการแล้ว เกิดความรู้สึกอนาถ ไม่ใช่ต่อผู้ทำผิดระเบียบนั่น แต่กับ #หมอเหรียญทอง มากกว่า

เหมือนเขาจะตั้งตารอเหตุการณ์ไม่ปกติเช่นนี้เกิดขึ้น จะได้ให้สัมภาษณ์แสดงตนเป็นคนจงรักภักดีล้นพ้น ให้ถึงพระเนตรพระกรรณเอาไว้ไม่ขาดสาย ประกาศไม่แคร์จะถูกแม่ของเด็กฟ้องข้อหาอนาจาร ที่ตั้งตนเป็นผู้ทรงอาญาสิทธิจับเด็กแก้ผ้าประจาน

“ผมช่วยคนยากจนเยอะมาก ส่วนใหญ่เขาก็ดีๆ ทั้งนั้น ๙๙% มีโรงพยาบาลเอกชนแห่งเดียวที่รับบัตรทอง แต่ไอ้กุ๊ยนี่เมียมันท้องแล้วลูกไม่ดิ้น ผมเอามารักษาจนลูกดิ้นเป็นปกติ ก็ตอบแทน รพ.มงกุฏวัฒนะด้วยการลงมานั่งสูบบุหรี่ที่ห้องสุขา”

อันที่จริงมันเป็นคดีมโนสาเร่ จับตัวได้ไม่ให้เข้ามาในโรงพยาบาลอีก และ/หรือเอาไปปรับ ๕ พันบาทตามที่ติดประกาศไว้ ก็อาจจะทำให้หลาบจำเพียงพอแล้ว ทว่าเหรียญทองไม่เลือกทางนั้น “ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอื่นไม่กล้าหาญอย่างผม”

เป็นโอกาสที่เขาได้อวดตัวเองไปพร้อมกัน “ผมเป็นคนเด็ดขาด เด็ดขาดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผมถูกปลูกฝังอย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก จนเป็นนักเรียนทหารก็ถูกปลูกฝัง เกียรติประวัติชั่วชีวิตผม ไม่ได้พูดมาเพื่อขอให้ศาลลดโทษอะไรนะ”

เขายืนยันไม่มีทางขอขมา ไม่ยอมไกล่เกลี่ย “ชั่วชีวิตไม่เคยขอขมากุ๊ย ถ้าผมทำผิดกฎหมาย ผมรับโทษอาญาแผ่นดิน นั่นคือเกียรติ การรับโทษอาญาแผ่นดินคือการรับโทษตามพระปรมาภิไธยพระเจ้าอยู่หัว ผมถือเป็นเกียรติที่สุด”

ที่จริงไม่ต้องเอามาโยงกันก็ได้ เกียรติของผู้จงรักภักดีกับ “ไอ้กุ๊ยส้นตีน ที่มาสูบบุหรี่ในห้องส้วมโอพีดี” รพ.ของเขา แต่สำหรับเหรียญทอง จับได้แล้ว “เชิญไปสูบที่อื่นครับ ขอโทษหน่อมแน้ม ไม่ใช่ที่นี่ เราประกาศแล้วว่าไม่ได้” ก็ไม่ได้

“ผมจะเพิ่มปรับใหม่เป็น ๕ แสนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” ก็โอเคถ้าทำได้ ไม่แน่ใจว่ากฎหมายไทยเอื้อเจ้าของสถานที่ขนาดนี้เชียวหรือ ใช่ว่าจะให้ท้ายคนสูบบุหรี่ในที่สาธารณะทั้งหลาย  แต่การแถลงข่าวกร่าง อวดอ้างเบื้องสูงอย่างนั้น น่ารำคาญกว่า

(https://twitter.com/onenews31/status/1790724747438993477)