กรณี พิชิต ชื่นบาน ต้องลาออก แล้ว “เศรษฐาคอพาดเขียง” แบบที่ไทยโพสต์ซัด ก็คงอย่างที่ ‘รังสิมันต์’ ว่านั่นละ “คนของเพื่อไทยมีหลายคน แต่ทำไมจึงเลือกที่จะตั้งคุณพิชิต” เลยเถิดไปถึง เชิงการเมืองนายกฯ ยังอ่อน “หลงเชื่ออะไรบางอย่าง”
ถึงอย่างนั้นก็ยังถือว่า ‘เศรษฐา’ รอดหวุดหวิดในครานี้ เพราะมติศาลรัฐธรรมนูญว่าไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที สูสี ๕ ต่อ ๔ “จาก ๕ เสียงที่ตัดสินให้เศรษฐารอด ๓ คนไม่แปลกเพราะไม่รับคำร้อง (ของ ๔๐ สว.) ตั้งแต่ต้น” ดัง Thanapol Eawsakul ว่า
แต่เสียงข้างน้อย ๔ คนที่ให้แขวนเศรษฐา และเขาเรียก ‘ฮาร์ดคอร์’ นั้น สามคนมาจากศาลฎีกา ซึ่งตีความคำตัดสินคดีพิชิตนำเงินสดสองล้านใส่ถุงขนมจะไป bribe ผู้พิพากษา แล้วถูกตัดสินคุก ๖ เดือนด้วยความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล
อุดม สิทธิวิรัชธรรม วิรุฬห์ แสงเทียน กับ จิรนิติ หะวานนท์ สามคนนี้น่าจะไม่พอใจการตัดสินนั้นที่อ้าง ป.วิอาญา แทนว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ แทนที่จะเป็นไปตามกฎหมายอาญาปกติ นี่ตามความเห็น Atukkit Sawangsuk ว่า “มันเหมือนลูบหน้าปาดหน้าอำนาจศาล”
อธึกกิตมองให้เป็นคุณต่อการที่พิชิตต้องลาออก “เพราะถ้าไม่ออกเสี่ยงมากที่จะโดนแขวน แล้วจะกระเทือนเศรษฐา ไม่ว่าโดนแขวนด้วยหรือไม่ก็ตาม พอพิชิตออกแล้ว อย่างมากก็รับคดีโดยไม่แขวนเศรษฐา เพราะไม่เช่นนั้นกระแสสาธารณะจะตีกลับใส่ศาล”
ทว่า รังสิมันต์ โรม มองเกินจากตรงนั้นไปว่า การดึงดันตั้งพิชิตในรอบสองเพราะเลินเล่อ “ข้อเท็จจริงก็ชัดว่ามีการถามในลักษณะที่ไม่ครบถ้วน และทางคณะกฤษฎีกาก็ให้ข่าวเองว่าถามแค่ไหนตอบแค่นั้น” รังสิมันต์ยังบอกว่าเรื่องจริยธรรมสำคัญ
“ต่อให้ไม่มีการไปยื่นก็เชื่อว่า กรณีคุณสมบัติหรือสิ่งที่พิชิตเคยทำจะถูกตรวจสอบในสภาโดยฝ่ายค้านแน่นอน ว่าการตั้งบุคคลในลักษณะเช่นนี้มีความเหมาะสมหรือไม่” เขาก้าวไกลไปถึงเรื่องที่ว่า การตั้งคนเพื่อตอบแทนกันทางการเมือง
“ในเรื่องของบุญคุณกันมา เปลี่ยนผลัดกันไปทุก ๖-๗ เดือน ผมคิดว่าไม่ควรเกิดขึ้น”
(https://www.facebook.com/thestandardth/posts/Tqc84NMjzcAX, https://www.facebook.com/baitongpost/posts/C5JHnQ5Tq และ https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/ZwE8g9einQ)