ถ้าไม่ได้เห็นโพสต์ของ Pavin Chachavalpongpun ก็คงไม่อยากรู้หรอกว่า “อาจารย์น้องหญิงเป็นเหี้eไรคะ” จึงได้ตามไปดูรายการ ‘โหนกระแส’ ของหนุ่ม กรรชัย ดูแล้วได้ความบันเทิงพอประมาณ เมื่อเห็นทีมอาจารย์น้องหญิงมั่นมาก
ตรงที่อธิบายเรื่องจิตวิญญานเป็นควอนตัมฟิสิกส์ แม้จะดูจบแล้วยังไม่เข้าใจว่าการติดต่อกับพระพุทธเจ้า ๕ องค์เพื่อนำฌานมารักษาผู้ป่วย นั้นเกี่ยวกันได้อย่างไรกับการเพ่งเห็นโมเลกุล ถึงอย่างนั้นก็ดีต้องชื่นชม นพ.เทวัญ ธานีรัตน์ จากการแพทย์ทางเลือก
ซึ่งใช้ทฤษฎี ‘Placebo’ หรือปรากฏการณ์ ‘ยาหลอก’ ทางการแพทย์มาอธิบายว่า ถ้าคนไข้มีความเชื่อในการรักษาแล้วละก็ อาการจะหายไปแล้ว ๓๐% วงการแพทย์แผนปัจจุบันจึงมีการใช้ยาหลอกนำร่องการรักษา กันมานานแล้ว
“บางครั้งหมอฉีดน้ำกลั่นให้ก็หายแล้ว...เข้าข่ายเป็นการประกอบโรคศิลปะ” อย่างหนึ่ง ส่วน ดร.สุดปฐพี เวียงสี ปริญญาเอกพุทธศาสนา บอกว่าไม่ใช่เลย นี่ไม่ใช่วิถีพุทธ ทั้งน้องหญิงและท่านพี่ชาย สวนทันทีว่านี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแรก (ในโลก)
กระบวนการของน้องหญิงจะเรียกว่าอะไรสุดแท้แต่ Cult หรือว่าลัทธิ แต่เจ้าตัวยัน “ผู้ที่ใช้คำว่าวิเศษเข้าใจผิด นี่คืองานวิจัยชั้นเอกต่างหาก” น้องหญิงว่าพวกเธอค้นพบ “พลังงานแห่งรัก พลังงานแห่งคุณงามความดี นี่คือจิตวิญญาณ...มันคือเอเนจี้”
หากแต่ ดร.สุดปฐพีว่า “กระบวนการนี้ดูแล้วเป็นปัจเจก คือไม่มีใครรู้เลย อธิบายตามวิทยาศาสตร์...มันต้องทดสอบได้ ถ้าทางพุทธศาสนาเราเรียกว่ารู้แจ้งแทงตลอด หมายความว่าเราต้องไม่มีอะไรสงสัย...พี่ๆ บอกพวกเราว่าอย่าให้เรามีข้อสงสัยใดๆ
ขณะเดียวกัน ในสิ่งที่พี่ทำมาตลอดเนี่ย เรามีแต่ข้อสงสัย” สุดท้าย ดร.สุดปฐพีที่นั่งในทีมตรงข้ามน้องหญิงนี่เองที่อธิบายตัวตนจริงของน้องหญิงน่าจะถูกต้อง “ฟังผมก่อนนะ” เขาว่า “ร่างกาย ใจ และจิตวิญญานปรากฏอยู่ในคัมภีร์อายุรเวชของฮินดู
ถ้าเป็นศาสตร์สมัยใหม่...เรียกว่า ซีบีที Cognitive, Behavioral, Therapy การสมดุลของความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรม ที่พี่ๆ นำเสนอมานี่ มันเหมือนไปเอาแนวคิดอย่างละเล็กอย่างละน้อยในแต่ละศาสตร์มา แล้วเอามารวมกัน”