วันเสาร์, พฤษภาคม 25, 2567

เศรษฐกิจไทยยังรั้งท้ายเพื่อนบ้านอาเซียน อุตสาหกรรมส่งออกล้วนล้าหลัง “โลกกำลังจะลืม”

ใช่จะเอาแต่เรื่องร้ายมาเล่าให้ขวัญหาย แต่ถ้าฟังแต่ประชาสัมพันธ์แล้วฝันเฟื่องเท่านั้นอันตราย เมื่อคำคุยไม่สามารถพาไปให้ถึงฝัน หรือเกิดการพลั้งพลาดพลิกตัวไม่ทันจนเสียหาย เพราะไม่ได้ระแวงระไวในข้อเท็จจริงเอาไว้ก่อน

ดังเช่นที่เป็นอยู่ในภาวะเศรษฐกิจไทย ประดุจดังปลาใหญ่กินได้เยอะ แต่ปลาเล็กปลาน้อยไม่ค่อยจะมีกิน พวกกลางๆ ก็ยากแค้นลงไปเรื่อยๆ

ดูจากวงกว้างเข้ามาหาวงใน ในการเปรียบเทียบเศรษฐกิจระดับภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้การเติบโตของจีดีพีเป็นตัววัด ข้อมูลจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติพบว่า การเติบโตของไทยด้อยสุดใน ๖ ประเทศ

ในปี ๒๕๖๔ จีดีพีไทยอยู่ที่ ๑.๕ เปอร์เซ็นต์ สามเดือนแรกของปี ๒๕๖๗ ก็ยังอยู่ที่ ๑.๕ โดยสองปีก่อนหน้า คือ ๖๕ และ๖๖ อยู่ที่ ๒.๕ กับ ๑.๙ ตามลำดับ เทียบกับเวียดนามที่เมื่อปี ๖๔ รองบ๊วยจากไทย ที่ ๒.๖ ถึงต้นปี ๖๗ ถีบขึ้นไป ๕.๗ สูงสุดคู่กับฟิลิปปินส์

ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคล้วนมีการเติบโตดีกว่าประเทศไทยทั้งสิ้น แม้แต่สิงคโปร์ซึ่งเคยสูงโด่งในปี ๖๔ ที่ ๙.๗ แล้วตกลงเรื่อยๆ เมื่อปีที่แล้วเหลือแค่ ๑.๑ ต้นปีนี้ก็ยังอุตส่าห์ดันตัวเองขึ้นมามากกว่าไทยที่ ๒.๗%

ถ้าลงไปดูวงแคบระดับภายในประเทศของเรา จากข้อมูลที่เพจนักเลงหุ้น On the buy side นำมาเผย นัยว่าได้มาจากเอกสารข้อมูลของ KKP กับ BofA ที่เขาว่ารูป Chart ที่แสดงไว้ ฉายให้เห็นว่า “๑๐ ปีเมืองไทย เสียอะไรไปบ้าง”

นั่นคืออุตสาหกรรมซึ่งเป็นตัวเด่นๆ ในประเทศไทย เป็นชุดที่ “โลกกำลังจะลืม” เขาว่านี่แหละ “คือคำตอบว่าทำไมหุ้นไทยไม่ไปไหน” ได้แก่ การประกอบรถปิ๊คอัพ ผลิตอาหลั่ยรถยนต์ แผงคอมพิวเตอร์ พล้าสติก และสารเคมีออร์แกนิค

ส่วนสินค้าซึ่งกำลังเป็นทีต้องการของโลกยุคนี้ เช่นเครื่องปรับอากาศ ชิ้นส่วนอีเล็คโทรนิค โทรศัพท์อัจฉริยะ เครื่องกลไร้สาย ยางธรรมชาติ และแม้แต่ ปลาปรุงสำเร็จรูป อุตสาหกรรมไทยก็ยังไปไม่ถึงสมรรถนะการแข่งขันในตลาดโลก

อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจการเงินในประเทศยังย่ำแย่รอวันฟื้น ธนาคารแห่งประเทศไทยเพิ่งเปิดเผยผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ ว่าไตรมาสแรกในปีนี้ หนี้เสียบานเบอะ “ขยับขึ้นทุกกลุ่ม...ทะลุ ๕ แสนล้านบาท” ส่วนใหญ่ในหมู่กลุ่มเปราะบาง

ดีก็แต่ในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมรายใหญ่ กลับมาขยายตัว ๐.๗% จากที่เคยติดลบเมื่อปีก่อน พร้อมกับภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นของหนี้ครัวเรือน “ในไตรมาสแรกปรับตัวดีกว่าคาด ทำให้ตัวเลขหนี้ครัวเรือนโดยรวมน่าจะออกมาลดลง”

ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังต้องลุ้นกันต่อไปอีกหนึ่งไตรมาส ดูว่าแนวโน้มจะดีขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่ ดังนั้นตลอดอย่างน้อยๆ หนึ่งปีข้างหน้าก็ต้องคอยเฝ้าระวัง อย่ามัวแต่ฝันลมฝันแล้งตามลมปาก เผลอไปฝนฟ้าแรงอย่างนี้ จะกลายเป็นฝันเปียกเสียเปล่า

(https://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1128000MTZieXRlcw และ https://www.facebook.com/fromthebuysideinvestor/posts/f2kVR3F4dWf)