วันจันทร์, พฤษภาคม 27, 2567

โพลพระปกเกล้าฯ ตอกย้ำ ความนิยมพรรคก้าวไกล และ ‘พิธา’ ยังสูงโด่ง จนมีการคาดหมาย “จะไม่ถูกยุบ”

โพลพระปกเกล้าฯ มาตอกย้ำอีกว่า ความนิยมพรรคก้าวไกล และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยังสูงโด่ง ไม่ว่าในหัวข้อการเลือก ส.ส.แบบแบ่งเขต แบบบัญชีรายชื่อ และบุคคลที่ควรได้เป็นนายกรัฐมนตรี

มันจึงเลยไปถึงการแทงสวนของ Thanapol Eawsakul ว่า “พรรคก้าวไกลจะไม่ถูกยุบ”

สถาบันพระปกเกล้าฯ แถลงผลโพลเมื่อ ๒๖ พฤษภา ว่าถ้ามีการเลือกตั้งขึ้นในช่วงนี้ละก็ พรรคก้าวไกลจะชนะด้วยคะแนน ๓๕.๗% ที่สองรองลงไปเป็นพรรคเพื่อไทย ได้ ๑๘.๑% ในประเภท ส.ส.เขต ส่วนคำถามเกี่ยวกับ ส.ส.บัญชีรายชื่อก็ยังเป็นก้าวไกล

ในการเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อนั้น ก้าวไกลได้รับคะแนนเสียงถึง ๔๔.๙% ขณะที่ของพรรคเพื่อไทยเพียง ๒๐.๒% เปรียบเทียบเพียงสองพรรคอันดับ ๑ กับ ๒ คะแนนก้าวไกลทิ้งห่างเพื่อไทยถึงเท่าตัว “พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่มีโอกาสได้ที่นั่งมากที่สุด

รวมแล้ว ๒๐๘ ที่นั่ง โดยที่เพื่อไทยได้เพียง ๑๐๕ ที่นั่ง ต่างกันเท่าตัว มิหนำซ้ำในคำถามถึงตัวบุคคลว่าอยากให้ใครเป็นนายกฯ มากที่สุด พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ฉวยไปกินอีกเช่นกัน ด้วยคะแนน ๔๖.๙% แต่อันดับรองๆ นี่สิบ่งบอกสภาพการเมืองขณะนี้น่าคิด

ผู้ที่โพลซึ่งสำรวจด้วยการสัมภาษณ์ประชากรตัวอย่างอายุ ๑๘ ปีขึ้นไป ๑,๖๒๐ คนทั่วประเทศ สำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อันดับสองให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ๑๗.๗% อันดับสาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ๑๐.๕% และสี่ เศรษฐา ทวีสิน ๘.๗%

การที่ทักษิณเดินสาย เกี้ยว พรรคชาติไทยพัฒนา ของสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ก็ไม่ทำให้ได้แต้มดีขึ้น ดูจากโพลนี้ ส.ส.แบบแบ่งเขต เพื่อไทยบวกชาติไทยพัฒนาก็ได้เพียง ๑๙.๗% และบัญชีรายชื่อ ๒๐.๙% ไม่ถึงครึ่งของก้าวไกลอยู่ดี

ทิ้งห่างอย่างนี้ละมัง ทำให้ธนาพลกล้าแทงสวนว่า “การที่จะยุบพรรคก้าวไกลโดยบอกว่าทำลายระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข นั้นเสี่ยงเกินไป” เพราะถ้าผลการเลือกตั้งครั้งต่อไปออกมาตามแนวของโพลละก็

“จะทำให้กลายเป็นประชามติว่าประชาชนชาวไทย ไม่แคร์กับ ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อีกต่อไป” มิหนำซ้ำ “ผลโพลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนิดาโพล สถาบันพระปกเกล้า หรือแม้แต่ซุปเปอร์โพล”

เขาว่าโพลเหล่านี้ล้วนเคยเป็นกระบอกเสียงของประยุทธ์ จันทร์โอชา ผลออกมาช่วงเวลานี้อยู่ในทิศทางเดียวกัน คือก้าวไกลยังนำโด่ง ใครก็ตามคุมเกมกำจัดก้าวไกลอยู่ น่าจะไม่กล้าหักด้ามพล้าด้วยเข่าเป็นแน่

ยิ่งกระบวนการจะยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหาร อันรวมถึง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เกิดจากเหตุผลทางการเมืองไม่ใช่โดยรูปการณ์แห่งกฎหมาย หากดึงดันจนได้ คงเกิดความระส่ำเป็นแน่

(https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/M7WUz9N และ https://thaipublica.org/2024/05/survey-found-that-most-people-still-vote-for-the-move-forward-party/=IwZXh0)