ทำไมจึงมีนักวิชาการบอกว่า การแก้ปัญหาและสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ‘ยุคก้าวไกล’ ต้องมีความโปร่งใส นี่ไม่ใช่หลักการลอยๆ แน่นอน เมื่อเขาบอกว่า “รัฐบาล (หน้า) ต้องเอาความเน่าเฟะในหน่วยงานรัฐ...ออกไป”
เอกรินทร์ ต่วนศิริ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ม.อ.ปัตตานี ให้สัมภาษณ์ประชาไท ว่าสันติภาพชายแดนใต้ต้องไปคู่กับประชาธิปไตย “รัฐประหารและการครอบครองอำนาจของทหาร เป็นปัญหาและอุปสรรคของปาตานี เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาได้
เพียงการใช้กองกำลังทหารและกฎหมายควบคุมประชาชน” การรื้อโครงสร้างอำนาจฝังใน และกฎหมายที่ออกมาใช้โดยฝ่ายทหาร คือความหวังให้รัฐบาลใหม่ลงมือทำ ไม่ว่าจะเป็น ยุบ กอ.รมน. ยกเลิกกฏอัยการศึก และยุบ ศอ.บต.
โดยเฉพาะศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเร็วๆ นี้มีข้อเรียกร้องให้ยุบนี้ มีอุปสรรคในทางโครงสร้าง เพราะมี พรบ.ศอ.บต.กำกับอยู่ แม้นว่า กม.นี้เขียนขึ้นในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นรัฐบาลพลเรือน
แต่เมื่อมีการนำมาใช้โดยรัฐบาลทหาร “กฎหมายฉบับเดียวกันเมื่อมีผู้ใช้คนละแบบกัน มันก็จะทำให้เกิดผลคนละแบบกัน” รองศาสตราจารย์ ม.อ.ปัตตานีชี้ว่าปัญหาเรื่องความโปร่งใสจึงเกิดขึ้น เขาเสนอให้สร้างระบบความโปร่งใสขึ้นใหม่
เนื่องจากมีงบประมาณพิเศษจำนวนมหาศาลไปลงที่ ศอ.บต. จึงเสนอให้ “เปิดเผยทรัพย์สินของเลขาธิการ รองเลขาธิการ ศอ.บต. รวมถึงนายทหารที่ลงมาทำงานในพื้นที่ที่ผ่านมาทั้งหมด” เขาเปิดโปงอีกว่า “เรามีหลักฐานว่ามันเน่าอย่างไร”
และ “คนที่ได้ประโยชน์จริงๆ เป็นคนจำนวนน้อยนิดเท่านั้น” ณ วันนี้มีประจักษ์พยานแน่ชัดว่าคนในพื้นที่ต้องการเปลี่ยนแปลง เห็นได้จาก “ผลการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อของพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้”
เมื่อ “พรรคประชาชาติได้อันดับ ๑ และพรรคก้าวไกลได้อันดับ ๒”