วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 15, 2566

โปรดอย่าแชร์ให้สลิ่มอ่าน


OFF CHAINON @Offchainon ·Jun 13

เกาหลีเหนือจับคนที่มี ‘พฤติกรรมต่อต้านสังคม’ ซึ่งผิดกฎหมาย “เช่น ใส่เสื้อผ้า-ไว้ทรงผมที่ไม่เป็นไปตามสไตล์ที่ประเทศกำหนด!” ทั้งเสื้อผ้ารัดรูป เห็นไหล่ ย้อมผมเป็นสีทองหรือสีน้ำตาล ฯลฯ “จะถูก จนท. พาตัวขึ้นรถไปปลูกข้าวที่ชนบท นาน 5 วัน จนบางคนต้องขาดงาน!” https://nationtv.tv/foreign/378919323

เกาหลีเหนือลงโทษ 'คนหล่อ-สวยเกินไป' ต้องทำงานในฟาร์ม


12 มิถุนายน 2566
Nation TV

ในขณะที่พลเมืองของหลายประเทศสามารถเลือกทรงผมกันได้อย่างเสรี จะตัดจะย้อมอย่างไรก็ได้ขอให้ออกมาสวย-หล่อ แต่ไม่ใช่สำหรับชาวเกาหลีเหนือ เพราะการทำแบบนี้ถือเป็น "พฤติกรรมต่อต้านสังคม" และต้องถูกส่งตัวไปใช้แรงงานในฟาร์ม

สำหรับเกาหลีเหนือ ความผิดที่ถือว่าเป็น "พฤติกรรมต่อต้านสังคม" มีหลายอย่าง เช่น ย้อมผม สวมเสื้อผ้าแบบที่ไม่ผ่านการอนุมัติ และต้มเหล้าเถื่อน "moonshine" และต้องถูกลงโทษด้วยการส่งไปใช้แรงงานหนักตามฟาร์มในชนบท

คำว่า "พฤติกรรมต่อต้านสังคม" มีความหมายค่อนข้างคลุมเครือ ที่รัฐบาลเกาหลีเหนือใช้อธิบายกิจกรรมที่เป็นแนวปฏิบัติทางวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ ต่างชาติ หรือทุนนิยม

เมื่อปี 2563 เกาหลีเหนือได้ผ่านร่างกฎหมายปฏิเสธปฏิกิริยาความคิดและวัฒนธรรม (Rejection of Reactionary Thought and Culture Act) ที่มีระวางโทษแตกลดหลั่นกันไป เช่น การแอบดูสื่อเกาหลีใต้มีโทษจำคุกหลายปี แต่ก็มีความผิดบางอย่างที่อยู่ในขั้นลหุโทษ ไม่ร้ายแรงเท่าความผิดอื่น เช่น ผู้ที่ถูกจับเมื่อไม่นานมานี้ได้ถูกส่งไปทำงานที่ฟาร์มเป็นเวลา 5 วัน หลังจากทำความผิดฐานผลิตหรือจำหน่ายเสื้อผ้าที่ไม่เป็นไปตาม "สไตล์" ของประเทศ ที่เรียกว่า "อูรี" (uri) ที่มีความหมายว่า "ของเรา") แต่ลึกลงไปมีความหมายว่า แนวคิดที่มีต้นกำเนิดหรือเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเกาหลีเหนือ
 


เสื้อผ้าและทรงผม

เสื้อผ้ารัดรูป เสื้อผ้าที่เผยให้เห็นไหล่หรือมีตัวอักษรของภาษาต่างประเทศ ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม "พฤติกรรมต่อต้านสังคม" ซึ่งเกาหลีเหนือมีหน่วยลาดตระเวน "สันนิบาตยุวชนผู้รักชาติสังคมนิยม" จะคอยจับตาและจัดการกับชายหนุ่มและหญิงสาว ที่ย้อมผมเป็นสีทองหรือสีน้ำตาล, ไว้ผมยาว, สวมกางเกงยีนส์ หรือเสื้อผ้ารัดรูปในที่สาธารณะ

ชาวเกาหลีเหนือที่ไม่ต้องการเปิดเผยตัว เปิดเผยว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ทางการได้สั่งให้บรรดาร้านตัดผมและออกแบบทรงผมทั้งสำหรับบุรุษและสตรี งดการย้อมผมให้ลูกค้าเป็นสีน้ำตาลหรือทำทรงผมที่แหวกแนว เช่น ตัดเฉพาะด้านข้างและเหลือด้านหน้าและด้านหลังไว้ ซึ่งคนที่ตัดผมลักษณะนี้จะถูกรวบตัวทันทีเมื่อถูกพบตามท้องถนน นอกจากทรงผมแล้ว คนที่ถูกพบว่าใช้เงินสกุลต่างชาติก็จะถูกลงโทษด้วยเช่นกัน



แหล่งข่าวบอกว่า

"ถ้าพวกเขาจับคุณได้ พวกเขาก็จะพาตัวขึ้นรถออกไปยังชนบท และจะบังคับให้ไปปลูกข้าวในนาหรือกำจัดวัชพืชเป็นเวลา 5 วัน แต่การที่คนเหล่านี้ถูกส่งไปทำงานไม่ใช่แค่พวกเขาที่เดือดร้อน"

เขายกตัวอย่างว่า

"ที่โรงงานแห่งหนึ่งมีผู้ชาย 2 คน และผู้หญิง 1 คน ไม่ได้ไปทำงานเพราะถูกส่งตัวไปปลูกข้าว หลังถูกจับได้ว่าสวมเสื้อผ้ากับทรงผมที่ไม่ใช่ 'สไตล์ที่กำหนด' ทำให้ทุกเช้าทางโรงงานต้องจัดประชุม และเจ้าหน้าที่ของโรงงานต้องแนะนำพนักงานไม่ให้ถูกจับไปในลักษณะนี้ เพราะทำให้ขาดตำแหน่งงานที่จำเป็นไป"


แหล่งข่าวบอกด้วยว่า การกวาดจับครั้งนี้ดูไม่ปกติ เพราะช่างสอดคล้องกับฤดูทำนาและกำจัดวัชพืช ขณะที่ทางการในเมืองในเมืองชองจิน ก็บุกกวาดจับพวกที่ต้มเหล้าเถื่อนในเขตกักด็อกในช่วงนี้เช่นกัน ซึ่งเป็นที่ทราบดีกว่า กังด็อกเปรียบเสมือนสวรรค์ของผู้ที่ชื่นชอบเหล้าเถื่อน "นงแทกี" ส่วนที่เรียกว่า moonshine ก็เพราะนิยมต้มกันท่ามกลางแสงจันทร์ไม่สามารถต้มตอนกลางวันได้ เหล้าเถื่อนนี้เป็นรายได้อย่างหนึ่งของชาวเกาหลีเหนือ ช่วงระหว่างปี 2537-2541 หลังเศรษฐกิจล่มสลาย

ชาวเขตกักด็อก จำเป็นต้องประทังชีวิตด้วยการต้มเหล้าเถื่อนนงแทกีจำนวนมาก เพื่อส่งไปขายในพื้นที่รอบ ๆ จังหวัดฮัมกยอง บางคนโชคดีไม่ถูกจับได้และหลายคนถูกจับได้คาหนังคาเขา ผลที่ตามมาคือถูกยึดวัตถุดิบ คือข้าวโพดกับเครื่องกลั่นเหล้า ส่วนคนที่ถูกจับได้จะถูกส่งไปทำไร่ทำนานาน 10 วัน