วันพุธ, พฤศจิกายน 02, 2565

คดีแฮรี่พอตเตอร์ พยานคืออภิวัฒน์ ขันทอง ลูกน้องประยุทธ์ กระบวนการยุติธรรมที่ห้ามพูดความจริงก็มีเหรอ ?


อานนท์ นำภา is at ศาลอาญารัชดา Ratchada Criminal Court.
จบการสืบพยานแฮรี่พอตเตอร์วันที่ 1 พรุ่งนี้เริ่มต่อจนตลอดสัปดาห์
ขอบคุณพ่อมดแม่มดทั้งหลายที่หนีเรียนมาให้กำลังใจ

อานนท์ นำภา
18h
คดีแฮรี่พอตเตอร์เช้าวันนี้ พยานคืออภิวัฒน์ ขันทอง ลูกน้องประยุทธ์ เป็นผู้กล่าวหาจะมาเบิกความว่าที่ผมปราศรัยในงานแฮรี่พอตเตอร์ เป็นการบิดเบือน ทั้งเรื่องที่ในหลวงบอกให้แก้รัฐธรรมนูญภายหลังประชามติ เรื่องที่ในหลวงไปอยู่เยอรมัน เรื่องที่ ร.7 เคยโดนฟ้องและโดนยึดวัง เรื่องการใช้เงินงบประมาณของสถาบันกษัตริย์ และเรื่องการโอนหุ้นไทยพานิชย์ไปเป็นของส่วนตัว
เราขอให้ศาลออกหมายเรียกหลักฐานการเดินทางเข้า-ออกประเทศของในหลวง ขอให้ศาลเรียกคำพิพากษาของศาลแพ่งที่ศาลเคยพิพากษายึดวัง และเอกสารการใช้เงินของสถาบัน และหลักฐานการโอนหุ้น
แต่ศาลไม่ออกหมายเรียกพยานเหล่านั้นให้ โดยเป็นคำสั่งของผู้บริหารศาลอาญา
ผมกับทนายความจึงขอเลื่อนการลืบพยานภาคเช้า เพื่อขอเข้าพบผู้บริหารศาลอาญาเพื่อถามเหตุผลว่าทำไมไม่ออกให้
เป็นกำลังใจให้ผมและทีมทนายความด้วยครับ
คดีนี้แม้จะฟ้องผมคนเดียว แต่ก็เหมือนฟ้องกล่าวหาพวกเราทั้งขบวนราษฎร ว่าเราบิดเบือนเรื่องเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 10
เราต้องสู้ในทุกสนาม เพื่อให้ความจริงปรากฎในสังคม ถ้าจะติดคุกเพราะกระบวนการยุติธรรมที่ห้ามพูดความจริงก็ให้มันรู้ไป
เชื่อมั่นและศรัทธา
อานนท์ นำภา
1 พฤศจิกายน 2565 ณ ศาลอาญา


.....
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
11h
วันที่ 1 พ.ย. 2565 เวลา 9.00 น. ศาลอาญานัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก ในคดีชุมนุม #เสกคาถาผู้พิทักษ์ปกป้องประชาธิปไตย หรือม็อบแฮร์รี่ พอตเตอร์ บริเวณหน้าร้านแมคโดนัลด์ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2563 พนักงานอัยการ สํานักงานอัยการสูงสุด (สํานักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7) ได้สั่งฟ้อง ‘อานนท์ นำภา’ ในข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ ตามมาตรา 112, ยุยงปลุกปั่น ตามมาตรา 116, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ, พ.ร.ก ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.ชุมนุมฯ, พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาฯ จากการโพสต์สเตตัสเฟซบุ๊กจำนวน 3 โพสต์ ในวันที่ 3 ส.ค. 2563 และร่วมปราศรัยในการชุมนุม
.
ย้อนอ่านคำฟ้องของอัยการ >>> https://tlhr2014.com/archives/34773
.
ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 710 เวลา 9.30 น. เมื่อศาลออกนั่งพิจารณา ทนายความแถลงว่าศาลยังไม่ได้ออกหมายเรียกพยานเอกสารสำคัญให้กับจำเลย หลังฝ่ายจำเลยได้ยื่นคำร้องไปก่อนหน้านี้ ได้แก่ เอกสารการเดินทางเข้าออกประเทศของในหลวงรัชกาลที่ 10, คำพิพากษาศาลแพ่งสั่งยึดวังศุโขทัยในสมัยรัชกาลที่ 7, เอกสารการใช้เงินของสถาบันกษัตริย์ และการโอนทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไปเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ ทำให้ทนายไม่สามารถถามค้านพยานโจทก์ได้เนื่องจากเอกสารเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับประเด็นที่โจทก์ฟ้องโดยตรง
.
ศาลชี้แจงว่าพยานเอกสารที่ฝ่ายจำเลยร้องขอมานั้น ศาลจะออกหมายเรียกให้หรือไม่ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะได้เอกสารมาทันสืบพยานตามกำหนดนัดเดิม และชี้แจงว่าศาลคงไม่ออกหมายเรียกให้
.
“ศาลก็อยากออกหมายเรียกให้นะ ถ้าให้ มันก็สามารถเอาไปใช้ได้เรื่อยๆ กับทุกสำนวน แต่ท่านเข้าใจใช่หรือไม่ว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน”
.
ทนายความจึงแถลงต่อศาลว่าถ้าศาลไม่ออกหมายเรียกพยานเอกสารเหล่านั้น ก็ไม่สามารถนำมาใช้ในการถามค้าน เนื่องจากโจทก์ฟ้องตามข้อหา ม.112 กับ ม.116 และบรรยายว่าจำเลยพูดบิดเบือน ไม่ตรงกับความจริง ดังนั้นจึงต้องนำเอกสารเหล่านั้นมาใช้ต่อสู้ว่าจำเลยพูดไปตามข้อเท็จจริงโดยสุจริต
.
หลังจากได้ฟังคำแถลงของทนายความ ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนได้ขอออกไปปรึกษากับผู้บริหารศาลอาญา ภายหลังจึงกลับมาในห้องพิจารณาพร้อมแจ้งว่ามีคำสั่งไม่อนุญาตตามคำขอหมายเรียกพยานเอกสารดังกล่าว
.
พยานโจทก์และผู้กล่าวหา ได้แก่ นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงต่อศาลขอให้มีการสืบพยานและถามค้านภายในวันนี้ ส่วนพยานเอกสารเหล่านั้นให้ทนายความไปซักถามในส่วนของพยานจำเลยได้ เนื่องจากนายอภิวัฒน์เองก็ไม่ทราบเรื่องตารางการบิน และเรื่องการแทรกแซงการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลังผ่านการลงประชามติของรัชกาลที่ 10 เช่นกัน
.
ทนายความจึงโต้แย้งว่า ในคดีอาญา ศาลจะฟังพยานโจทก์ ถ้าพยานโจทก์รับฟังไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องสืบพยานจำเลยด้วยซ้ำไป การรอสืบพยานเมื่อได้พยานเอกสารมาไม่ได้สร้างความเสียหาย และยังทำให้เกิดความยุติธรรม
.
เวลา 10.23 น. ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนไปนัดหน้า พยานจึงเข้าไปในคอกพยานและสาบานตน อย่างไรก็ตาม อานนท์แถลงต่อศาลว่า หากกล่าวตามความจริง ศาลเองมีความไม่ปกติในเรื่องการออกหมายเรียกพยานเอกสาร ถ้าศาลติดขัดไม่ออกให้ด้วยเหตุผลต่างๆ ก็มีความเข้าใจ แต่จะรอให้สืบไม่สมตามที่ฟ้องมาเองเพียงอย่างเดียวก็ไม่ได้
.
นอกจากนี้ทนายความยังแถลงเพิ่มเติมว่า คดีนี้ไม่ใช่แค่จำเลยจะติดคุกหรือไม่ติดคุก แต่เป็นกระบวนการทางสังคม ว่าการดำเนินคดีเป็นไปอย่างสง่างามหรือไม่ โดยมีพยานหลักฐานที่นำมาพิสูจน์ความจริง
.
อานนท์จึงขอเข้าพบอธิบดีศาลอาญาเพื่อสอบถามเรื่องไม่อนุญาตออกหมายเรียกพยานเอกสารตามคำร้องขอ การสืบพยานจึงหยุดชะงักลง แต่เมื่อไปติดต่อกับเลขานุการของอธิบดีศาลอาญา ก็ได้รับแจ้งว่า อธิบดีไปทอดกฐิน จะพยายามติดต่อให้ ศาลจึงมีคำสั่งให้กลับมาพูดคุยเรื่องนี้อีกทีในเวลา 13.30 น.
.
เวลา 13.14 ผู้พิพากษาออกนั่งพิจารณาในช่วงบ่าย และเรียกพนักงานอัยการ ทนายความ และจำเลย ไปพูดคุยหน้าบัลลังก์
.
ต่อมาในเวลา 14.00 น. ศาลแจ้งให้ทนายความทำคำร้องขอหมายเรียกพยานหลักฐานเข้ามาใหม่ โดยให้ระบุอย่างละเอียดทุกรายการว่าจะนำมาพิสูจน์เรื่องใดในคำฟ้อง และให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์ในวันพรุ่งนี้ (2 พ.ย. 2565) เวลา 9.00 น.
.
.
ย้อนอ่านคำให้การของ ‘ทนายอานนท์’ >>> https://tlhr2014.com/archives/26414
.
.
อ่านบนเว็บไซต์ https://tlhr2014.com/archives/50207