Thanapol Eawsakul
20h
คนที่บอกว่า ใครที่กุม ส.ว. 250 คนไว้จะถือแต้มต่อในการเลือกนายกรัฐมนตรี โดยไม่ต้องสนว่าจะได้คะแนน ส.ส. เกินครึ่งหรือไม่
แปลว่าไม่รู้เรื่องกลไกการทำงานของสภาผู้แทนราษฎร
......................
(1)
การมี ส.ว. ที่แต่งตั้งมากับมือ 250 เสียง ไม่ได้เป็นตัวชี้ขาดในการเลือกนายกรัฐมนตรี
เพราะถึงจะเลือกได้ก็จะต้องถูกล้มโดยกลไกสภาผู้แทนราษฎรแทบจะทันทีเช่นกัน
ถ้าจำกันได้หลังการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 ทันที่ผลการนับคะแนนออกมาพันธมิตร 7 พรรค ในเวลานั้นประกอบด้วย
เพื่อไทย 137
อนาคตใหม่ 88
เสรีรวมไทย 12
ประชาชาติ 7
เศรษฐกิจใหม่ 6
เพื่อชาติ 5
พลังปวงชนไทย 1
ได้คะแนนรวมกัน 255 เสียง จาก 500 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร
แม้ว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีจะใช้เสียงจากรัฐสภา 750 เสียง
คือ ส.ส. 500 ส.ว. 250 ให้เกินกึ่งหนึ่งคือ 376 เสียง
แต่ในความเป็นจริง เสียง ส.ว. 250 เสียง
ไม่ได้เป็นเสียงชี้ขาดว่านากรัฐมนตรีจะทำงานได้หรือไม่
(และถ้าทำงานไม่ได้ก็ไม่มีพรรคการเมืองไหน เลือกมาเป็นนายกรัฐมนตรีเพราะเลือกแล้วก็จะล้มไปโดยปริยาย )
เพราะมีกลไกอื่น ๆ ที่ ส.ส. จะล้ม นายกรัฐมนตรีได้
ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือการไม่ผ่า่นงบประมาณ หรือกฎหมายต่าง ๆ
(2)
ดังนั้นเพื่อจะให้คะแนน ส.ส.เกิน 251 เสีบง กกต. จึงตอบสนองฝ่ายรัฐประหารที่จะสืบทอดอำนาจคือตัองคิดการนับคะแนน แบบปัดเศษเพื่อให้พรรคเลืก พรรคน้อย
ซึ่งเห็นผลทันทีเมื่อนับแคะแนนใหม่ จำนวน ส.ส. รวมฝ่าย 7 พรรคก็ลดลง
เพื่อไทย 137
อนาคตใหม่ 80
เสรีรวมไทย 10
ประชาชาติ 7
เศรษฐกิจใหม่ 6
เพื่อชาติ 5
พลังปวงชนไทย 1
เหลือ 246 เสียงจากเดิม 255 เสียงเท่ากับว่าลดไป 9 เสียง
โดยเฉพาะพรรคอนาคตใหม่จาก 88 เหลือ 80 ที่นั่ง ไปแจกให้พรรปัดเศษ
(3)
จากนั้นก็นำมาสู่การตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐ,
ซึ่งดูได้จากการโหวตนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2562
ดังนั้นจุดชี้ขาดในการตั้งรัฐบาลจริง ๆ คือจำนวน ส.ส. ว่าจะรวมกันได้มากกว่า 251 เสียงหรือไม่
ผมคิดว่าแตอนนี้แน่แล้วว่าผลาสำรวจากทุกโพล พันธมิตรฝ่ายค้านน่าจะได้มากกว่า 50 % แน่ ๆ
ซึ่งสำหรับผมคือ 60 % เป็นอย่างต่ำคือ 300 จาก 500 ที่นั่งในสภา
ดังนั้น 250 คนของ ส.ว. ไม่มีความหมาย
เลือกตั้งครั้งหน้า จะไม่มีพรรคการเมืองใด ได้เก้าอี้ส.ส.เกิน 100 ที่นั่ง ยกเว้นพรรคเพื่อไทย pic.twitter.com/ugjE599IDu
— อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด (@AnusornOfficial) November 16, 2022