THE STANDARD
· 12h
UPDATE: ‘สุขุม’ ฟันธง ‘ประยุทธ์-ประวิตร’ ไม่แยกวง เหตุมี 250 ส.ว. ในมือ 3 ป. เป็น ‘ตัวแทนอำมาตยา’ มากกว่านักการเมือง
.
วานนี้ (8 พฤศจิกายน) รายการ THE STANDARD NOW ดำเนินรายการโดย อ๊อฟ-ชัยนนท์ หาญคีรีรัตน์ เผยแพร่ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD สัมภาษณ์ สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง
.
กรณีกระแสข่าวการแยกกันเดินระหว่าง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มองว่ามีความชัดเจนขึ้นแล้วหรือไม่
.
สุขุมกล่าวว่า ไม่เห็นว่าเป็นความชัดเจนขึ้น แต่มองเป็นเรื่องเกมต่อรองของทั้ง 2 คน พล.อ. ประยุทธ์ต้องการให้พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อตัวเองคนเดียวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพราะระแวงว่าถ้าเสนอ 2 ชื่อ มีความเสี่ยงจะถูกพลิกเกมได้ สำหรับวาระที่เหลือ 2 ปี พล.อ. ประยุทธ์ก็รู้ตัว แต่ก็จะเอาแบบนี้ ให้เลือกท่านก่อน แล้วหลังจากนั้นจะเป็น พล.อ. ประวิตร ก็ว่าไป แต่ถ้าเสนอชื่อคู่กันตั้งแต่แรก ก็ระแวงว่าถึงเวลาอาจจะข้าม พล.อ. ประยุทธ์ ไปสู่ พล.อ. ประวิตร เลย จึงต้องการให้เป็นชื่อเดียวก่อน
.
ผู้ดำเนินรายการถามว่า พล.อ. ประยุทธ์จะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่มี พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ เนื่องจากมีภาพข่าวเดินคู่กัน
.
สุขุมกล่าวว่า นี่คือการที่ พล.อ. ประยุทธ์ บอกว่าถ้าไม่ยอมตามเขา เขาจะไปกับพีระพันธุ์ เพื่อให้ทราบว่าเขามีทางไป ไม่ใช่ไม่มีทางไป ส่วน พล.อ. ประวิตร เสียท่า พล.อ. ประยุทธ์ มาหลายครั้งแล้ว ยอมกันมาตลอด ดังนั้นรอบนี้ก็ต้องยอมอีก เพราะ 3 ป. จะไม่แยกกัน
.
ผู้ดำเนินรายการถามว่า มีอะไรที่จะทำให้ 3 ป. แยกกันเดินหรือไม่
.
สุขุมกล่าวว่า ไม่มี เพราะมองภาพรวมทั้งหมดจริงๆ แล้ว 3 ป. เป็นแนวร่วมหนึ่งที่เข้ามาดูแลการเมือง ส่วนพรรคพลังประชารัฐ แม้จะดูเป็นพรรคหลักก็เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้เป็นเช่นนั้น ให้เป็นพรรคการเมือง แต่จริงๆ แล้วเขามี 250 ส.ว. เป็นสิ่งที่อยู่ในมือของ 3 ป. จะว่าไปแล้ว 250 ส.ว. ก็คือตัวแทนของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ตัวแทนของอำมาตยา ตัวแทนนายทุนเก่า คนเหล่านี้ก็กลัวนักการเมืองพรรคพลังประชารัฐเช่นกัน หากปล่อยให้พรรคพลังประชารัฐเป็นตัวหลักในการตั้งรัฐบาลมีอำนาจ กลุ่มเขาซึ่งมีตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยก็จะต้องเสียไปเช่นกัน
.
ดังนั้นกลุ่มอำนาจเหล่านี้อยู่ใน 250 ส.ว. โดยไม่ใช่พรรคการเมือง แต่มีอำนาจกำหนดการเมือง
.
ผู้ดำเนินรายการถามว่า หาก 3 ป. แยกกันเดินจริงๆ คาดว่า ส.ว. จะแบ่งเป็นฝ่ายหรือไม่
.
สุขุมกล่าวว่า สุดท้าย ส.ว. 250 เสียงจะไปทางเดียวกันไม่ว่าใครจะตั้งเขามา อย่าไปดูว่าใครเป็นคนตั้ง แต่ต้องดูว่า ส.ว. เป็นตัวแทนฝ่ายอนุรักษ์นิยม ตัวแทนของอำมาตยา คืออยู่ฝั่งที่ไม่ใช่นักการเมืองแน่ๆ เขาต้องการให้ 3 ป. คอนโทรลนักการเมืองได้ ไม่ใช่ให้นักการเมืองมาคอนโทรล
.
ถ้าปล่อยให้ พล.อ. ประวิตรขึ้นนั่งตำแหน่ง พล.อ. ประวิตรจะปล่อยให้นักการเมืองคอนโทรลตัวเอง แต่ พล.อ. ประยุทธ์ ไม่ปล่อยเช่นนั้น
.
ส่วนกรณี วีระกร คำประกอบ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ออกมาสนับสนุน พล.อ. ประวิตรให้ขึ้นมาแทน พล.อ. ประยุทธ์นั้น
.
สุขุมกล่าวว่า วีระกรมีความสำคัญแค่ไหนในพรรค ไม่ใช่รัฐมนตรี ไม่ใช่รองหัวหน้าพรรค การเรียกร้องของวีระกรทำได้เช่นเดียวกับทุกคน แต่จะมีน้ำหนักหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
.
ผู้ดำเนินรายการถามว่า การประชุมสัมมนา ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ วันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ มีอะไรน่าจับตามองหรือไม่
.
สุขุมกล่าวว่า ยังไม่ลงตัว เพราะหากเมื่อไรตกลงกันได้จึงจะเห็นการตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ให้ครบ ถ้ายังไม่ตั้งรัฐมนตรีเสริม แสดงว่ายังตกลงกันไม่ได้
.
ผู้ดำเนินรายการถามว่า หากฟันธง 3 ป. ไม่แยกกัน แล้วเลือกตั้งรอบหน้า การมี พล.อ. ประยุทธ์ อยู่พรรคพลังประชารัฐ จะเป็นบวกหรือลบกับพรรคมากกว่าเดิม
.
สุขุมกล่าวว่า โดยมาตรฐานแล้วเป็นผลลบมากกว่าเดิมอยู่แล้ว เพราะ พล.อ. ประยุทธ์วันนี้กับปี 2562 มีความแตกต่างกัน เนื่องจากปี 2562 พล.อ. ประยุทธ์มาเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาคนที่เขาอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่ตอนนี้อยู่อันดับสี่ ต้องยอมรับว่าบริหารไม่ถูกใจคน ดังนั้นเป็นลบกว่าเดิมอยู่แล้ว แต่พลิกเกมได้ไหม ยังมี 250 ส.ว. ทำให้ 3 ป. มั่นใจว่าเลือกตั้งครั้งหน้าได้เป็นรัฐบาลแน่ แม้เราจะไม่ได้มั่นใจตามเขา อย่างไรก็ตาม ดูแล้วเขามั่นใจจาก 250 ส.ว.
.
ผู้ดำเนินรายการถามว่า ถ้าครั้งหน้าพลังประชารัฐได้ ส.ส. ไม่ถึง 100 คน จะกล้าต้านกระแสพรรคอื่นไปจับกับ ส.ว. จริงหรือ
.
สุขุมกล่าวว่า ต่อให้พลังประชารัฐได้ ส.ส. 60 คน ยังกล้าจับกับ 250 ส.ว. เลย เพราะนับแล้วเป็น 310 เสียง ส่วนการออกกฎหมายไม่มีปัญหา เพราะเขาเชื่อว่าเมื่อได้รับเสียงโหวตเป็นนายกฯ ก็จะมีคนตามมา เพราะพรรคการเมืองบ้านเราส่วนใหญ่อยากเป็นรัฐบาลมากกว่าอยากเป็นฝ่ายค้าน พูดง่ายๆ ว่า ถ้ามาน้อยก็กลับไปตกปลาในอ่าง มีคนพร้อมมาร่วมเป็นรัฐบาลเยอะ
.
ผู้ดำเนินรายการถามว่า หาก พล.อ. ประยุทธ์อยู่ครบเทอม ไม่ยุบสภา เชื่อว่ากระแสจะยิ่งตกหรือไม่
.
สุขุมกล่าวว่า เชื่อเช่นนั้นว่ากระแส พล.อ. ประยุทธ์จะตก แต่นั่นเฉพาะกระแส ยังไม่รวมถึงกระสุน เพราะชัยชนะในการเลือกตั้งไม่ได้อยู่ที่กระแสอย่างเดียว แต่มีเรื่องกระสุนด้วย
.
รวมๆ แล้วเรียกว่ากระสุน ไม่ว่าจะการได้มาในลักษณะบ้านใหญ่ ลักษณะแนวร่วม หรือกลุ่มสนับสนุน
.
ส่วนกระแสก็อีกเรื่อง แต่ต้องมีทั้ง 2 อย่าง กระแสและกระสุน จึงจะชนะการเลือกตั้ง อย่าไปมองกระแสอย่างเดียว
.
สุขุมกล่าวว่า สำหรับโอกาสที่ พล.อ. ประยุทธ์จะไปพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ยังมีโอกาสเป็นไปได้หากทางพรรคพลังประชารัฐไม่ยอมให้ พล.อ. ประวิตร อ่อนข้อให้ พล.อ. ประยุทธ์
.
“ผมดูแล้วในที่สุดบิ๊กป้อมต้องกลืนเลือด เพราะ พล.อ. ประยุทธ์ จะไปรวมไทยสร้างชาติแน่นอนถ้าพลังประชารัฐเสนอแคนดิเดตนายกฯ 2 ชื่อ แต่สุดท้ายเขาจะยอมกัน เพราะพี่ก็ยอมน้องมาหลายเที่ยวแล้ว ยอมอีกเที่ยวจะเป็นไรไป เที่ยวสำคัญด้วย สองพี่น้องตกลงกันได้ แต่กองหลังของแต่ละกลุ่มที่ระแวงอีกกลุ่มหนึ่ง กลุ่มข้าราชการระแวงพวกนั้น (นักการเมือง) จะขี่บิ๊กป้อมมาขี่เขาอีกที กรณีแค่จะเปลี่ยนรัฐมนตรีมหาดไทย เขาก็รู้สึกว่าฝ่ายนักการเมืองไปล่วงล้ำอำมาตยาแล้ว” สุขุมกล่าว
.
ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่สามารถต่อรองกันระหว่าง 2 ป.
.
สุขุมกล่าวว่า อาจจะต่อรองกันว่าเมื่อยอมกันได้แล้วต้องสัญญาเรื่องความลงตัวแต่ละกระทรวง เพราะคราวที่แล้วพลังประชารัฐแม้เป็นพรรคหลักก็ไม่มีโอกาสเลือกกระทรวง ทั้งที่อยากได้กระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฯลฯ แต่ไปต่อรองไม่ได้ เพราะ 3 ป. ตกลงกับพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ ไปแล้วตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง คราวนี้อาจจะให้สัญญาว่าอย่างน้อยพลังประชารัฐจะได้ 3 กระทรวงสำคัญ
.
ส่วนข่าวพลังประชารัฐกับเพื่อไทย เชื่อว่าเป็นไปได้ แต่ตอนนี้คงยังไม่ใช่ เพราะอย่าลืมว่ากลุ่มที่อยู่หลัง 250 ส.ว. เขาไม่เอาพรรคเพื่อไทย
.
เมื่อถามว่า ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า มีแนวโน้มจะไปพรรคไหน
.
สุขุมกล่าวว่า ต่อให้ถาม ร.อ. ธรรมนัสเองตอนนี้ตัว ร.อ. ธรรมนัสเองก็ยังตอบไม่ได้ เพราะถ้าชัดเจนคงมีรูปถ่ายการไปต่างประเทศออกมาแล้ว
.
#TheStandardNews