การยืดอายุประธานศาลรัฐธรรมนูญ โดยกรรมการสรรหาแค่ ๕ ใน ๙ คน นี่ดูพิเรนทร์ยังไงอยู่นะ เหมือนใช้หลักการ ‘ได้ประโยชน์ทั้งสองทาง’ ไม่ว่าจะขึ้นหรือล่อง ยังกะอภิชาติบุตร รับเละแต่ส่วนดีของทั้งพ่องและแม่ง ถ้าเปรียบรัฐธรรมนูญ ๕๐ กับ ๖๐ เป็นบิดรและมารดา
เรื่องน่าจะเป็นว่าช่วงการเมืองหน้าสิ่วหน้าขวาน นับแต่ล่าสุด อนุทิน ชาญวีรกูล ประกาศขอเป็นนายกรัฐมนตรีเอง เพราะเชื่อมั่นพรรคภูมิใจไทยได้ ส.ส.เกินร้อย เลือกตั้งครั้งที่จะมา แถมอยุธยาจะยกทั้งจังหวัดนั่นเลย
ก็แสดงว่าถีบหัวเรือ ‘ขี้ตู่’ ออกไปแล้ว ไหนจะกรณี ‘พี่ป้อม’ ไปเที่ยวอังกฤษ (ทีแรกว่าจะไปสวิสฯ นะ จำได้) แล้วดอดไปพบ ทักษิณ ชินวัตร จะว่าเฟคนิวส์ตามที่ปฏิเสธกันเสียงกระเส่า ก็ไม่น่าจะใช่ อาจจะแค่นั่งรถไฟสวนกันแล้วต่างโบกมือให้ก็อีกเรื่อง
ข่าวอย่างนี้เทียมหรือแท้ไม่สำคัญเท่า สร้างบรรยากาศว่าสายนักการเมืองพันธุ์ผสม ‘ประชารัฐ’ ก็พร้อมจับกัปตันเอาขึ้นไปโยน (บน) บก เช่นกัน ไหนจะปัญหาธรรมนัสพ่อค้าแป้งที่ถึงจะซบเซาไป แต่ตอนกระหึ่มนั่นแรงมาก จนคิดกันว่าคงมีรอยฟกช้ำเรื้อรัง
ปัญหาคือ หาคนคุมงานเตะตัดแข้งตัดขาพวกฝ่ายค้านไม่ได้ ต้องดันคนเก่าต่อไปก่อน แม้จะยังไม่รู้ว่าฝีมือแน่แค่ไหนกับสเป็ค ‘ตั้งมากับมือ’ ก็ยังดีกว่าลองของใหม่เอี่ยม ซึ่งนับวันแต่จะไกลปืนเที่ยงออกไปทุกที สู้แก้ปัญหาระเบียบกฎหมาย บิดเบี้ยวง่ายกว่า
ฉะนั้นเริ่มจาก สี่ ตลก. นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ทวีกียรติ มีนะกนิษฐ จิรนิติ หะวานนท์ และอุดม สิทธิวิรัชธรรม ร่วมกันร้องให้ส่งเรื่องประธานศาลรัฐธรรมนูญอายุครบ ๗๐ ปี หมดวาระตามรัฐธรรมนูญ ๕๐ ซึ่งได้รับแต่งตั้งมา ไปให้กรรมการสรรหาทำการวินิจฉัย
ก็คงถกเถียงกันในหมู่ ตลก.แล้ว ‘เสียงแตก’ ระหว่างแนวตีความ ด้านหนึ่ง รธน.๕๐ ให้อายุความ ๙ ปี หรืออายุถึง ๗๐ อย่างใดอย่างหนึ่ง กับ รธน.๖๐ ให้อยู่ในตำแหน่งแค่ ๗ ปี แต่ยืดประเด็นอายุไป ๗๕ ปี โดยมีบทเฉพาะกาลเอาหลักอภิชาติบุตรมาใช้
แต่สี่ ตลก.ที่ทำความเห็นแย้งบอกว่า “วรวิทย์ (กังศศิเทียม) เปลี่ยนจากตุลาการมาเป็นประธานเมื่อปี ๖๓ เข้าสู่ตำแหน่งใหม่ พ้นความคุ้มครองตามบทเฉพาะกาลแล้ว บทเฉพาะกาลมีเพื่อ ‘รับรองสิทธิ’ เท่านั้น ไม่ใช่เพื่อ ‘ขยายสิทธิ’” จึงได้โยนเผือกไปให้ ก.ก.สรรหา
ผลการพิจารณาออกมาเสียงท่วมท้น ๕ ต่อ ๐ กรรมการสรรหาให้วรวิทย์อยู่ต่อ บอกว่าเขาต้องได้รับประโยชน์จากรัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับ อ้างดื้อๆ ทื่อๆ มาตรา ๗๙ ‘บทเฉพาะกาล’ พรป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๖๑ นี่ละ
อันนี้ ‘ไอลอว์’ เขาเห็นว่ามันเป็นข้อยกเว้นที่ ‘ลักลั่น’ พิลึกกึกกือ เพื่อจะยืดอายุตำแหน่งประธาน ตลก.รัฐธรรมนูญของวรวิทย์ออกอีก ๕ ปี ถึงโน่น ๒๕๗๐ แล้วยังทำอย่างลุกลี้ลุกลนพิกลอยู่ คือกรรมการสรรหาที่ตัดสินเนี่ยมีทั้งหมด ๙ คน แต่โดดงานเสียสี่
คำวินิจฉัยเต็มใจรับเผือกเอาไปกวนก็แค่ ๓ ต่อ ๒ แม้นคำตัดสินให้วรวิทย์อยู่ยาวจะ ๕ ต่อ ๐ ดูเลขสวย แล้วกรรมการสี่คนหายไปไหน เอาละองค์ประชุมเกินกึ่งใช้ได้ แต่ไม่สง่างามเลยนะตะเอง ซ้ำยังไม่ต้องขานชื่อให้ท่านผู้ชมได้เห็นว่าใครมาใครไม่มา
ลองมาไล่เรียงกันดู กรรมการสรรหา ๙ คนมาจาก ประธานศาลฎีกา ๑ คน เช่นกันกับประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้นำฝ่ายค้าน และกรรมการที่แต่งตั้งโดยองค์กรอิสระ ๕ คน “ได้แก่ ผู้ตรวจการแผ่นดิน, กกต., ปปช., คตง. และ กสม.”
เดาเอานะ เดาเอา สี่คนที่อาจจะขอตัว ‘ลากิจ’ ได้แก่สองคนจากฝ่ายนิติบัญญัติ กับอีกสองคนจากองค์กรอิสระ (คตง. และ กสม. เป็นอาทิ) เหลือแต่พวก ตลก.และมือกฎหมายเจ๋งๆ ที่ตู่ตั้งทั้งนั้น ผลการวินิจฉัยออกมาจึงหัววรนุสท้ายมังกรอย่างนี้
ก็เนอะ วิจารณ์ด้วยความหัวเสีย หลักฐานบ้างอารมณ์บ้าง เหลือรับประทานที่บ้านเมืองถูกเล่นแร่แปรธาตุมานานนักแล้ว อย่างน้อยๆ ๘ ปี จะต่อกันไปอีกสี่ซ้าห้าปี มันทนไม่ไหวอะ
(https://www.facebook.com/iLawClub/posts/10166518151405551, https://www.isranews.org/.../isranews.../107375-news-38.html และ https://www.facebook.com/baitongpost/posts/5132050753543379)