มีพวกคิดแบบ ‘สลิ่ม’ บางรายไปเม้นต์บนเพจสปริงนิวส์ที่เสนอข่าวนี้ บ้างว่า “สนุกกับการขู่ให้กลัวตลอดมา” อีกคนบอก “หมอคนนี้ มีข้อคิดเห็นในทางลบตลอดเวลา เท่าที่สังเกตุมา” จริงหละ แต่การให้ข้อมูล ‘ทางลบ’ ที่เป็นจริง นั้นจำเป็น
อย่างน้อยๆ เพื่อเตือนตัวเตือนใจของเราให้ “ใช้ชีวิตบนความไม่ประมาท ป้องกันตัวเสมอ ใส่หน้ากากเสมอ ขณะทำมาหากิน ศึกษาเล่าเรียน หรืออื่นๆ” แม้จะอยู่ในวัยร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง เมื่อใดภูมิต้านทานอ่อนลง ก็มีสิทธิเข้าไปอยู่ในสถิติอันดับสองของโลกได้
คำเตือนของหมอธีระไม่ใช่สักแต่ว่า ‘พิมพ์เก่ง’ อย่างสลิ่มอีกคนว่า จำนวนคนตายจากโควิดในไทยตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา อยู่ในเกณฑ์วันละ ๑๒๘-๑๒๙ ราย น้อยที่สุดเมื่อวานซืน (๒๔ เมษา) ตาย ๑๒๖ ติดใหม่ ๓๒,๗๒๑ (รวมทั้งเอทีเค) ต่อวันนั่น “ไม่กระจอก” แน่
เข้าใจว่าหมออุดมพยายามสนองนโยบายรัฐบาล ที่จะเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้าเอาเงินมาใช้จ่ายกัน แก้ปัญหารัฐบาลไส้แห้ง หลังจากที่ตะบี้ตะบันถลุงกันมา ๗-๘ ปี ทว่าควรจะหาวิธีพูดที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่ด้อยค่าโควิด ทั้งที่มันยังฆ่าคนอยู่ทุกวี่วัน
“อัตราส่วนของจำนวนคนเสียชีวิตต่อประชากรล้านคนของไทยนั้น สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกมาตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่สองของมีนาคมเป็นต้นมา” หมอธีระชี้ด้วยว่าทั้งที่ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่ม ‘รายได้ปานกลางระดับสูง’ ของโลก แต่จำนวนคนตายเพราะโควิดเกือบจะด้อยพัฒนา
หมอธีระยังพูดถึง ‘Long COVID’ คือการติดเชื้อแล้วป่วยอย่างเรื้อรัง รักษาแล้วอาการไม่หมดไปเป็นเวลานานมาก แม้นว่าจะตรวจไม่พบเชื้อไวรัสในร่าง นี่คือ “ปัญหาระยะยาวที่จะบั่นทอนสมรรถนะการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงาน”
อย่าทำอวดเก่งไป “ไม่ติดเชื้อย่อมดีที่สุด” คุณหมอว่า
(https://www.facebook.com/thiraw/posts/10224221590559934, https://isranews.org/article/isranews/108260-news-310.html… และ https://www.facebook.com/permalink.php10158726482250841)
