วันพฤหัสบดี, เมษายน 21, 2565

64.1 ล้าน ใครจ่าย กรณี ศาลแพ่งมีคำสั่งให้ กกต.ชดใช้ค่าเสียหาย อดีต ส.ส.เพื่อไทย “สุรพล” เชียงใหม่ เขต 8


“สุรพล” น้ำตาคลอเบ้า แถลงศาลฮอด ให้ชนะ กกต.คดีฟ้อง พิพากษาให้ชดใช้ความเสียหาย-เยียวยา กว่า 64 ล้าน รวมดอกเบี้ยเป็น 70 ล้าน บอกได้รับความเป็นธรรม-ศักดิ์ศรีคืนมา หลังศาลฎีกายกฟ้องคดีบูชาเทียนทำบุญวันเกิด ทนายความเผยรอดูท่าทีขอโทษ-รับผิดชอบ ก่อนฟ้อง ม. 157 อีกรอบฐานใช้อำนาจมิชอบ-กลั่นแกล้งผู้สมัคร
ที่มา มติชนออนไลน์

สมชัย ศรีสุทธิยากร
7h ·

64.1 ล้าน ใครจ่าย

กรณี กกต.ชุดปัจจุบัน 7 คน ได้ให้ใบส้ม (เลือกตั้งเสร็จ ชนะแล้ว ไม่ประกาศผล สั่งให้เลือกตั้งใหม่ โดยตัดสิทธิลงแข่งขัน) แก่ผู้สมัคร ส.ส. เชียงใหม่ เขต 8 ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562
ต่อมา ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีคำพิพากษาว่า ไม่ผิด และ ศาลจังหวัดฮอด ได้มีคำพิพากษาให้ กกต. เยียวยาชดใช้ค่าเสียหาย 64.1 ล้านบาท
คำถามคือ ใครจ่าย ?
คำตอบที่จะตอบเป็นการตอบจากความเข้าใจซึ่งอาจจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง
1. สำนักงาน กกต. ต้องชดใช้ไปก่อน 64.1 ล้านบาท (ภาษีประชาชน)
2. สำนักงาน กกต.ต้องฟ้อง กกต. 7 คน ในข้อหากระทำผิดทางละเมิด ทำให้ราชการเสียหาย (หาร 7) ยกเว้นคนที่ลงมติว่า ไม่ผิด ไม่แจกใบส้ม
3. กกต. 7 คน ต้องไล่เบี้ย ไปยังเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่ เลขาธิการ รองเลขาธิการที่เกี่ยวข้อง ผู้บริหารและ เจ้าหน้าที่ที่สอบสวน และสรุปเสนอเรื่องขึ้นมา (หาตัวหารเพิ่ม)
4. ในกรณีที่กว่าเรื่องจะยุติ อาจใช้เวลาเป็นปี ซึ่งเงินที่จ่ายไปล่วงหน้า มีการคิดดอกเบี้ย ร้อยละ 5 ต่อปี (กม.ใหม่)
5. การเจรจาประนอมหนี้ อาจขอผ่อนชำระได้ในอัตราที่เหมาะสม โดยราชการไม่เสียหาย
ทั้งหมดคือความเข้าใจของผม ซึ่งอาจผิดก็ได้ กกต. 7 ท่าน ลองประชุมแล้วถามฝ่ายกฎหมายดูอีกทีครับ
...
Atukkit Sawangsuk
7h ·

ถ้าคดีถึงที่สุด
กรมบัญชีกลาง หรือสำนักงาน กกต. ต้องจ่ายเงินให้คุณสุรพล 70 ล้านบาท
กระทรวงการคลังก็จะต้องไปไล่เบี้ย ยึดทรัพย์ 7 กกต. 70 ล้าน ฐานทำให้ราชการเสียหาย ตาม พรบ.ความรับผิดทางละเมิด แบบเดียวกับที่ยึดทรัพย์ยิ่งลักษณ์
แล้วให้ 7 กกต.ไปฟ้องศาลปกครอง คัดค้านคำสั่งเอาเอง
แต่ระหว่างนั้นก็ต้องยึดก่อนนะครับ ยึดบ้านยึดรถ ยึดที่ดินยึดตู้แช่ไวน์ จนกว่าจะครบ 70 ล้าน
7 กกต.ก็ต้องหาทางชิ่ง เช่นถ้ามติไม่เป็นเอกฉันท์ คนที่ไม่เห็นด้วยก็ต้องเอาบันทึกการประชุมมาเป็นหลักฐาน
:
เอ้อ ว่าแต่ว่า 1 ใน กกต. ฉัตรไชย จันทร์พรายศรี มาจากผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา แล้วภรรยาคือ นุจรินทร์ จันทร์พรายศรี ปัจจุบันเป็นรองประธานศาลฎีกาคนที่ 1
พอคดีขึ้นถึงศาลฎีกา จะเรียกว่าผลประโยชน์ทับซ้อนได้ไหม
:
อันที่จริง ถึงไม่ใช่ผัวเมีย แต่การที่ผู้พิพากษาเหาะมาเป็นองค์กรอิสระ เวลาถูกฟ้อง มันก็ทับซ้อนอยู่ดี
เพราะผู้พิพากษาที่ตัดสินคดี ก็คือเพื่อนคือพี่คือลูกน้องหรือลูกศิษย์ อย่างน้อยก็จะมีทัศนคติปกป้องสถาบันตุลาการ ถ้าตัดสินว่าพวกเดียวกันผิด ก็กลัวเน่าทั้งข้อง
(คดีนี้ต้องชื่นชมศาลฮอดห้าวหาญ เพราะในนั้นมีผู้พิพากษารุ่นใหญ่สองคน)