Atukkit Sawangsuk สรุปให้ “คดีแตงโมนั้น ตำรวจใช้กลเม็ดทางกฎหมาย ‘เอาตัวรอด’ คือตั้งข้อหาก๊วนสปีดโบ๊ทให้ครบทุกคน เพื่อสนองอารมณ์สังคมดราม่า
โดยสาระแห่งคดี ไม่เปลี่ยนเลยนะครับ เป็นคดีประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ไม่มีใครฆ่า ไม่มีใครผลัก นิติวิทยาศาสตร์ชี้แผลเกิดจากใบพัด ฯลฯ โดย ‘ปอ’ เจ้าของเรือ กับ ‘โรเบิร์ต’ คนขับเรือ ต้องข้อหาร่วมกัน (โรเบิร์ตขอขับทั้งที่ไม่ชำนาญแล้วปอให้ขับ จึงผิดด้วย แต่โทษอาจเบากว่า)
เมื่อสาระสำคัญคือขับเรือประมาททำให้แตงโมพลัดตก คนอื่นๆ อีก 4 คน ก็ไม่น่าจะมีความผิดอะไร
แต่เพราะสังคมดราม่าขัดหูไม่พอใจคำพูดคำให้สัมภาษณ์ ตำรวจก็เลยต้องตั้งข้อหาประหลาดๆ เช่น แซนประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (มัวแต่เล่นมือถือไม่ดูเพื่อน) ใครเป็นทนายให้แซนก็หัวเราะก๊าก
กระติก ข้อหาทำลายพยานหลักฐาน = ลบรูปในมือถือตัวเอง อันนี้ทนายกระติกหัวร่อกลิ้งเหมือนกัน มือถือของเขา ตำรวจไม่ได้ยึดอายัดเป็นหลักฐาน ลบของส่วนตัว ผิดได้ไง แล้วเป็นรูปหลักฐานสำคัญอะไร รูปฆ่ารูปผลักเหรอ ก็บอกอยู่ว่าขับเรือประมาท มันเป็นภาพที่จะไปเปลี่ยนสาระสำคัญของคดีไหม
คดีหลักคือขับเรือประมาททำให้แตงโมตกน้ำ ซึ่งปอกับโรเบิร์ตรับสารภาพอยู่แล้ว คนอื่นจะไปช่วยปกปิดทำลายพยานหลักฐานแจ้งความเท็จเพื่อ? ไม่ได้มีเหตุผลเลย
ยกฟ้องหมดละครับ อย่างมากก็ติดปลายนวมรอลงอาญา ยกเว้นปอกับโรเบิร์ต แต่ตามมาตรฐาน ‘ยี่ต๊อก’ อย่างสูงก็โดนเหมือนตำรวจขับรถชนหมอตาย ทนายแค่พยายามยื้อเวลา ขอเลื่อนนัด ให้กระแสสังคมมันซาๆ เพราะถ้าพิพากษาเร็ว กระแสก็จะตามไปกดดันอีก”