แต่นั่นทำให้โทษจำคุกที่ควรจะสูงสุด ๑๐ ปี ปรับ ๒ แสนบาท ลดลงไปเหลือคุก ๑ ปี ๑๕ วัน ปรับ ๔ พันบาทละหรือ นี่ศาลตีความกฎหมายพิลึกพิเรนทร์อีกแล้วไหม บีบีไทยระบุว่าศาล ใช้มาตรฐานการลงทัณฑ์ที่เรียกกันในวงการว่า ‘ยี่ต๊อก’
คือกำหนดโทษแนวเดียวกันทุกคดี ป้องกันความลักลั่นของแต่ละผู้พิพากษา แต่ว่าถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ใช้ยี่ต๊อกกับคดีการเมืองบ้างล่ะ โดยเฉพาะคดีดูหมิ่นกษัตริย์ มาตรา ๑๑๒ อย่างที่ ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ว่า “ถูกกล่าวหาส่ง ‘เอสเอ็มเอส’ ด่าเจ้า ติดคุก ๒๐ ปี”
เมื่อดูจากข้อหาตามข่าว prachachat.net ถึงจะมีตั้ง ๙ ข้อหา ก็ล้วนขี้หมูราขี้หมาแห้ง หน่อมแน้มทั้งนั้น ต้นหลักเป็นความผิดในการขับขี่ยวดยานทั้งสิ้น ขับขี่ด้วยความประมาท ความเร็วเกินขนาด ยานที่ใช้ไม่ถูกระเบียบกฎหมาย ไม่มีประกัน บลา บลา
แม้นว่าความผิดมโนสาเร่เหล่านั้นทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นถึงชีวิต ก็ดูเหมือนศาลทั่นไม่ได้เพ่งเล็งต่อการที่มีคนตาย มากไปกว่าผู้กระทำความผิดอายุยังน้อย มีโอกาศได้แก้ไขความประพฤติ หลังจากที่ได้สำนึกผิดแล้วด้วย
อีกทั้งระหว่างพิจารณาคำอุทธรณ์ ศาลผู้มักเต็มไปด้วยออร่าของการเป็น ‘คนดีย์’ เปี่ยมพ้น อาจจะพิจารณาให้ประกันตัวไปใช้ชีวิตตามปกติ แม้กระทั่งนำ ‘ฮาเล่ย์’ ซึ่งถูกยึดไว้ที่สถานีตำรวจ มาขี่เล่นเฉี่ยวชนอีกสักคนสองคน จนต้องพิจารณาถอนประกันก็ได้
เรื่องแบบนี้ ในดินแดนที่ระเบียบกฎหมายสมเหตุสมผลจริงจัง และประชากรใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก มักจะบอกว่าข้ออ้างเหล่านั้น ‘are too familiar’ คุ้นๆ เกินไป ครอบครัวผู้ตายเสียอีกมีจิตสำนึกของความรู้แจ้งยิ่งกว่าผู้ที่มือกำกฎหมาย
ทนายของครอบครัวหมอกระต่ายบอกกับสื่อมวลชนว่า บิดาของหมอฯ กล่าวถึงคำพิพากษาว่าไม่เกินความคาดหมาย แต่ก็โทษน้อยจนน่าเกลียด เพราะที่จริงแล้ว “การรับสารภาพของจำเลยเป็นการจำนนต่อหลักฐาน ไม่ควรเป็นเหตุให้พิจารณาลดโทษ”
ต้องให้ผู้ต้องหาเป็นเยาวชนสามกีบ หรือฝ่ายตรงข้ามเผด็จการทหารตำรวจดูสิ อาจโดนโทษคุกกระทงละ ๑๐ ปี ๙ กระทง จะบวกไปให้ถึงที่สุด หรือเอาจำนวนปีคูณกระทงก็ได้
(https://www.bbc.com/thai/thailand-61222460d9I และ https://www.prachachat.net/general/news-916581)
