วันพฤหัสบดี, เมษายน 21, 2565

มีคนเสนอ ปรับแนวทางสู้มาตรา112 เป็นยุทธวิธีไม่รับอำนาจศาล แบบของทนายประเวศ - ชวนอ่าน แนวคิดการต่อสู้เรื่องนี้ของทนายประเวศ "ไม่ใช้ทนาย ไม่ให้การ ไม่ยอมรับอำนาจศาล" ศาลไม่สามารถเป็นกลาง เพราะเป็นองค์กรสัญลักษณ์ของพระมหากษัตริย์


“โดยที่ศาลไทยไร้ความชอบธรรมในการพิจารณาพิพากษาคดีนี้ดังกล่าว ข้าพเจ้าจึงขอประกาศไม่ยอมรับกระบวนพิจารณาคดีนี้ของศาลไทยโดยศาลอาญา และข้าพเจ้าจะไม่เข้าร่วมกระบวนการพิจารณาคดีนี้ โดยไม่ให้การ ไม่แต่งทนายความเข้าดำเนินคดี ไม่ถามค้านพยานโจทก์ ไม่นำสืบพยานจำเลย ไม่ลงชื่อในเอกสารใดๆ ของศาล

“ทั้งนี้ การดำเนินคดีนี้ของศาลไทยโดยศาลอาญา จะเป็นการดำเนินคดีอาญาโดยฝ่ายโจทก์ฝ่ายเดียว อันเป็นการดำเนินคดีโดยขัดต่อหลักกฎหมาย”

คำแถลงการณ์ของประเวศ ประภานุกูล ฉบับที่ 1 เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2560



ทนายประเวศ ประภานุกูล ขอถอนทนายก่อนยื่นหนังสือแถลงต่อศาล ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมเนื่องจากเห็นว่าศาลมีส่วนได้เสียในการพิจารณาคดีมาตรา 112 และไม่ได้รับความเป็นธรรมในการขอปล่อยตัวชั่วคราว ชี้เท่ากับการพิพากษาล่วงหน้าก่อนการฟ้องคดี

วันนี้ (18 ก.ย. 60) เวลาประมาณ 09.00 น. ศาลอาญาเบิกตัวนายประเวศ จำเลยในคดี 112 ข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จำนวน 10 กรรม, ยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 จำนวน 3 กรรม, และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (3) จากการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อนัดพร้อมและตรวจพยานหลักฐาน

ต่อมาประเวศได้ยื่นคำร้องขอถอนทนายความทั้งสามราย พร้อมกับยื่นหนังสือแถลงต่อศาล 2 ฉบับ ที่เขียนด้วยลายมือของตนเองมาจากเรือนจำ โดย คำร้องระบุว่า ศาลไทยประกาศตนว่ากระทำในพระปรมาภิไธย ศาลจึงมีส่วนได้เสียในการพิจารณาคดี ทำให้ขาดความเป็นกลางและขาดความชอบธรรมในการพิจารณาคดี ประเวศจึง “ขอประกาศไม่ยอมรับกระบวนการพิจารณาคดีนี้ของศาลไทย โดยศาลอาญา และข้าพเจ้าจะไม่เข้าร่วมกระบวนการพิจารณาคดีนี้ โดยไม่ให้การ ไม่แต่งทนายความเข้าดำเนินคดี ไม่ถามค้านพยานโจทก์ ไม่นำสืบพยานจำเลย ไม่ลงชื่อในเอกสารใดๆของศาล”

ส่วนคำร้องฉบับที่ 2 ระบุว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากศาลอาญา ในกรณีที่เคยยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 60 ในนัดไต่สวนฝากขัง(อ่านข่าวเพิ่มเติมที่นี่ ) และศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดย คำสั่งคำร้องขอปล่อยตัวของศาลอาญาดังกล่าว เป็นคำสั่งเฉกเช่นเดียวกับคำพิพากษาไปแล้ว โดยถ้อยคำในคำสั่งของศาลที่ว่า “พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว กรณีเป็นการกระทำที่ร้ายแรงต่อสถาบันกษัตริย์” โดยประเวศระบุว่าข้อความดังกล่าวเป็นการแสดงออกถึงความคิดเห็นของศาลอาญาว่าตนได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา และการกระทำนั้นเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายทั้งที่ยังไม่ได้มีการสืบสวนและยังไม่ได้มีการตัดสินว่าตนได้กระทำความผิดจริงหรือไม่ เป็นการพิพากษาล่วงหน้าก่อนการฟ้องคดีด้วยซ้ำ

นอกจากนี้ประเวศยังได้เปิดเผยว่า ในวันนี้ได้เตรียมแถลงการณ์ฉบับที่สามเพื่อยื่นต่อศาลและหนังสือที่จะยื่นถึงองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ แต่หนังสือทั้งสองเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้นำออกมาจากเรือนจำได้

จากนั้นศาลได้อนุญาตให้ประเวศถอนทนายความและได้แจ้งให้ทนายความทราบ หลังจากนั้นฝ่ายโจทก์ได้แถลงว่ามีพยานเอกสาร 20 ฉบับ (เอกสารหมาย จ.1-จ.20) และประสงค์สืบพยานบุคคลรวม 11 ปาก โดยปากที่ 1.เป็นผู้กล่าวหา 2.เป็นผู้สืบสวนหาข้อมูลโปรแกรมเฟสบุ๊คของจำเลย 3.เป็นผู้จับกุมจำเลยตามหมายจับ 4.เป็นพยานผู้เชี่ยวชาญด้านโปรแกรมและการใช้โปรแกรมเฟสบุ๊ค ส่วนพยานปากที่ 5 และที่ 7 เป็นพยานที่จะเบิกความให้ความเห็นเกี่ยวกับถ้อยคำที่จำเลยโพสต์ลงในโปรแกรมเฟสบุ๊ค พยานปากที่ 8.เป็นผู้ตรวจพิสูจน์คอมพิวเตอร์ และพยานปากที่ 9-11เป็นพนักงานสอบสวน ศาลได้ระบุในรายงานกระบวนพิจารณาแต่ละขั้นตอน ว่าจำเลยไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมและได้นัดสืบพยานโจทก์ทั้งหมด 11 ปาก ในวันที่ 8-10 พ.ค. 61

ทั้งนี้ ประเวศถูกเจ้าหน้าที่ทหารหลายนายเข้าจับกุมจากบ้านพักไปที่มทบ.11 ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. 60 โดยไม่ได้มีการแจ้งหมายจับของศาลแต่อย่างใดและได้ยึดคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและทรัพย์สินอย่างอื่นไปด้วย ระหว่างการควบคุมตัวที่ค่ายทหารไม่ได้รับการแจ้งข้อกล่าวหาหรือแจ้งสิทธิและไม่สามารถแจ้งญาติหรือบุคคลอื่นว่าตนเองถูกควบคุมตัวที่ค่ายทหารได้ เป็นเวลา 4วัน จนได้พบพนักงานสอบสวนในวันที่ 3พ.ค. จึงได้รับแจ้งข้อกล่าวหาและทราบว่ามีหมายจับ

ที่มา ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน


“ทนายประเวศ”ระบุศาลไทยขาดความชอบธรรมในคดี 112 พร้อมหนุน“สหพันธรัฐ”

Aug 30, 2018

นายประเวศ ประภานุกูล หรือ ทนายประเวศ อดีตนักโทษคดี 112 ให้สัมภาษณ์ Thai Voice หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำในคดี 112 คดี 116 และความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ว่า ตนได้รับอิสรภาพเร็วกว่าที่คิด ทั้ง ๆที่เตรียมใจไว้แล้วว่าจะติดคุก 50 ปีจากข้อกล่าวหาทั้งหมด และปฎิเสธที่จะสู้คดีเพราะไม่ยอมรับกระบวนการพิจารณาของศาลในคดี 112 เนื่องจากศาลขาดความชอบธรรมเพราะอยู่ฝ่ายผู้เสียหาย แต่สถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนดคี 112 จึงเริ่มผ่อนคลายลง อย่างไรก็ตาม ตนไม่เชื่อว่า กระบวนการยุติธรรม และศาลไทยยังอยู่ภายใต้ระบบอุปถัมภ์ผู้มีอำนาจสูงสุดสามารถสั่งได้ และเป็นระบบศาลที่ไม่อาจจะอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนได้อย่างแท้จริง มีหนทางเดียวที่จะทำให้ ความยุติธรรมเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงในสังคมไทยคือ ต้องทำให้ ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจในกระบวนการยุติธรรมอย่างแท้จริง และในทุกสถาบันแห่งอำนาจในสังคมไทยต้องยึดโยงกับประชาชน นั่นคือการเปลี่ยนประเทศไปสู่”สหพันธรัฐ”เหมือนกับอเมริกา

คุก 16 เดือน ‘ทนายประเวศ’ โพสต์ปลุกระดม ผิด ม.116 ยกฟ้องคดี 112



ไทยรัฐออนไลน์
27 มิ.ย. 2561

ศาลอาญาพิพากษา จำคุก 16 เดือน “ทนายประเวศ” โพสต์ปลุกระดม ผิด ม.116 ยกฟ้องข้อหาหมิ่นเบื้องสูง เจ้าตัวยันไม่อุทธรณ์ ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ชั้นสอบสวน

ที่ห้องพิจารณา 707 ศาลอาญา เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 มิ.ย. ศาลนัดพิพากษา คดี ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายประเวศ ประภานุกูล อายุ 58 ปี ประกอบวิชาชีพทนายความ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, ฐานกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใดตามรัฐธรรมนูญหรือมิใช่แสดงความคิดเห็นติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, และผู้ใดทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามหน้าที่มีกฎหมายกำหนดไว้แล้ว ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุฯ มาตรา 368 และฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ตามมาตรา 3, 14 (3) และขัดคำสั่งเจ้าพนักงานไม่พิมพ์ลายนิ้วมือ ตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ต.ค.59 กับคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 25 ลงวันที่ 29 ก.ย.49 เรื่อง การดำเนินการเกี่ยวกับการยุติธรรมทางอาญาว่า ผู้ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา มีหน้าที่ต้องพิมพ์ลายนิ้วมือ ลายมือหรือลายเท้า ตามคำสั่งของพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี หรือพนักงานสอบสวน ผู้ใดฝ่าฝืนมีความผิดฐานกระทำความผิดเกี่ยวกับการยุติธรรม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 25 ม.ค.–23 เม.ย.60 จำเลยใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ “ประเวศ ประภานุกูล” ที่เป็นบัญชีส่วนตัว มีผู้ติดตามจำนวน 2,574 คน และมีเพื่อน 4,769 คน โดยจำเลยนำข้อมูลที่เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ด้วยการโพสต์ข้อความที่มีลักษณะละเมิดกฎหมาย ซึ่งมิใช่แสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน หรือเป็นการดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง เหตุเกิดที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จำเลยให้การปฏิเสธ ไม่ขอยอมรับกระบวนการยุติธรรมและไม่ขอตรวจพยานหลักฐานในคดี และไม่ยื่นประกันตัว

ศาลมีคำพิพากษาว่า จำเลยได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ทำนองว่าสนับสนุนทั้งคนเสื้อเหลือง-เสื้อแดง โค่นล้มอำนาจเผด็จการ พร้อมเรียกร้องระบบสาธารณรัฐหรือสหพันธรัฐซึ่งพูดได้เต็มที่ เชื่อผม ผมเป็นทนาย ฯลฯ อันเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.116(3), 368, พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ม.14(3), ประกาศ คปค.ฉบับที่ 25 จึงพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดต่อความมมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักรเป็นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116(3) ที่เป็นบทหนักสุด จำคุกรวม 3 กระทง กระทงละ 5 เดือน รวม 15 เดือน และลงโทษฐานฝ่าฝืนประกาศ คปค.ฉบับที่ 25 ให้จำคุก 1 เดือน รวมจำคุก 16 เดือน ส่วนข้อหาตาม ม.112 และข้อหาอื่นให้ยก

ภายหลังฟังคำพิพากษากลุ่มญาติเข้ามาแสดงความดีใจกับนายประเวศ ขณะที่นายประเวศยืนยันว่าจะไม่ยื่นอุทธรณ์คดี ที่ผ่านมาตนแสดงออกว่าไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดตั้งแต่ชั้นจับกุม สอบสวน

ด้าน น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า นายประเวศ ระบุจะไม่อุทธรณ์คดี แต่ทั้งนี้ตามกระบวนการอัยการโจทก์ ยังใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คดีได้อีกภายใน 1 เดือน หรือขอขยายเวลาหากยื่นไม่ทัน ขณะที่โทษของนายประเวศถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำตั้งแต่ชั้นฝากขังมาแล้วประมาณ 13-14 เดือน ดังนั้นเหลือเวลาจะถูกคุมขังอีกประมาณ 2 เดือนจะได้รับการปล่อยตัว.