สมาชิกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การต่างประเทศ วุฒิสภา สหรัฐฯ พร้อมด้วย ส.ว.กลุ่มหนึ่ง ออกโรงสนับสนุนการต่อสู้ของขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยของไทย รวมทั้งเรียกร้องรัฐบาลไทยให้ปล่อยตัว หยุดดำเนินคดีและหยุดคุกคามนักกิจกรรมทางการเมืองที่เคลื่อนไหวอย่างสันติ
เอกสารข่าวที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ ของ กมธ.การต่างประเทศของวุฒิสภา สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ระบุว่าวุฒิสมาชิก บ็อบ เมเนนเดซ และ ดิค เดอร์บิน ซึ่งเป็นสมาชิกของกมธ.การต่างประเทศ พร้อมด้วยวุฒิสมาชิกอีก 7 คน หนึ่งในนั้นคือนางแทมมี่ ดักเวริร์ธ ส.ว.อเมริกันเชื้อสายไทย ได้เสนอให้วุฒิสภามีมติ 5 ข้อต่อกรณีการชุมนุมของขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในไทย
มติทั้ง 5 ข้อที่ ส.ว.กลุ่มนี้เสนอ ได้แก่
1.ย้ำถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสหรัฐฯ และไทยซึ่งตั้งอยู่บนหลักการประชาธิปไตยและผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์ร่วมกัน
2.ยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียวกับคนไทยในการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย การปฏิรูปการเมือง สันติภาพที่ยั่งยืน และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชนสากล
3.เรียกร้องให้รัฐบาลไทยปกป้องและยึดมั่นในหลักประชาธิปไตย หลักสิทธิมนุษยชน หลักนิติธรรม สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและการแสดงความคิดเห็น รวมทั้งให้ปล่อยตัวนักเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยไม่มีเงื่อนไขในทันที และหลีกเลี่ยงการคุกคาม ข่มขู่ ผู้ที่ร่วมชุมนุมประท้วงอย่างสงบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องปกป้องสิทธิและสวัสดิภาพของเด็กและนักเรียนนักศึกษา
4.เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุนสิทธิของประชาชนไทยในการกำหนดอนาคตของตนด้วยวิถีทางสันติและเป็นประชาธิปไตย
5. แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าการแก้ไขวิกฤตการเมืองด้วยการทำรัฐประหารจะไม่เป็นผลดี และเสี่ยงต่อการทำลายความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสหรัฐฯ และไทย
กมธ. การต่างประเทศระบุว่าข้อเสนอของ ส.ว. ทั้ง 9 คนมีขึ้นหลังจากมีการชุมนุมของนักเรียนนักศึกษาและประชาชนหลายครั้งตลอดปีนี้ และมีรายงานว่ามีการใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม
"เมื่อประชาธิปไตยตกอยู่ภายใต้การโจมตีจากหลายด้าน เป็นเรื่องสำคัญที่วุฒิสภาสหรัฐฯ จะออกมายืนหยัดร่วมกับขบวนการประชาธิปไตยในประเทศไทย" วุฒิสมาชิก เมเนนเดซกล่าว
"นักปฏิรูปในไทยไม่ได้ต้องการปฏิวัติ พวกเขาเพียงต้องการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองให้เป็นประชาธิปไตย เรียกร้องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุม และทำให้ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมประชาธิปไตย" นายเมเนนเดซระบุ
"หากได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา มตินี้จะเป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าเราสนับสนุนให้มีเสรีภาพในการพูดและเสรีภาพในการชุมนุมในประเทศไทย และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรงและการคุกคามโดยไม่จำเป็น สหรัฐฯ จำเป็นต้องแสดงให้คนไทยและประชาคมโลกเห็นว่าการเป็นพันธมิตรและความร่วมมือระยะยาวกับไทยจะต้องอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ คุณค่าและการเคารพในหลักการประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และหลักนิติธรรม" เมเนนเดซกล่าวเสริม
ด้านวุฒิสมาชิกเดอร์บินแสดงความเห็นว่าประเด็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการกำหนดอนาคตของการเมืองไทยควรเป็นไปอย่างสันติผ่านการพูดคุยเจรจา ไม่ใช่การคุกคามข่มเหง และการใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรรับฟังและเคารพความเห็นของนักเรียนและเยาวชนไทยที่ออกมาแสดงความเห็นอย่างกล้าหาญ
ขณะที่ ส.ว.แทมมี่ ดักเวริร์ธ กล่าวว่าในฐานะชาวอเมริกันเชื้อสายไทยที่ต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิในการชุมนุมอย่างสันติในสหรัฐฯ เธอตระหนักดีว่าสิทธิในระบอบประชาธิปไตยของเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่จะต้องยึดถือและปกป้อง
"ประเทศไทยเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ทั้งในด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ คนไทยมีประวัติศาสตร์ของการพัฒนาประชาธิปไตย ดิฉันขอเรียกร้องให้ผู้นำไทยรับฟังเสียงประชาชนและยึดหลักการประชาธิปไตยไว้ให้เป็นหัวใจสำคัญของรัฐบาล"
เอกสารข่าวที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ ของ กมธ.การต่างประเทศของวุฒิสภา สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ระบุว่าวุฒิสมาชิก บ็อบ เมเนนเดซ และ ดิค เดอร์บิน ซึ่งเป็นสมาชิกของกมธ.การต่างประเทศ พร้อมด้วยวุฒิสมาชิกอีก 7 คน หนึ่งในนั้นคือนางแทมมี่ ดักเวริร์ธ ส.ว.อเมริกันเชื้อสายไทย ได้เสนอให้วุฒิสภามีมติ 5 ข้อต่อกรณีการชุมนุมของขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในไทย
มติทั้ง 5 ข้อที่ ส.ว.กลุ่มนี้เสนอ ได้แก่
1.ย้ำถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสหรัฐฯ และไทยซึ่งตั้งอยู่บนหลักการประชาธิปไตยและผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์ร่วมกัน
2.ยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียวกับคนไทยในการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย การปฏิรูปการเมือง สันติภาพที่ยั่งยืน และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชนสากล
3.เรียกร้องให้รัฐบาลไทยปกป้องและยึดมั่นในหลักประชาธิปไตย หลักสิทธิมนุษยชน หลักนิติธรรม สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและการแสดงความคิดเห็น รวมทั้งให้ปล่อยตัวนักเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยไม่มีเงื่อนไขในทันที และหลีกเลี่ยงการคุกคาม ข่มขู่ ผู้ที่ร่วมชุมนุมประท้วงอย่างสงบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องปกป้องสิทธิและสวัสดิภาพของเด็กและนักเรียนนักศึกษา
4.เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุนสิทธิของประชาชนไทยในการกำหนดอนาคตของตนด้วยวิถีทางสันติและเป็นประชาธิปไตย
5. แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าการแก้ไขวิกฤตการเมืองด้วยการทำรัฐประหารจะไม่เป็นผลดี และเสี่ยงต่อการทำลายความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสหรัฐฯ และไทย
กมธ. การต่างประเทศระบุว่าข้อเสนอของ ส.ว. ทั้ง 9 คนมีขึ้นหลังจากมีการชุมนุมของนักเรียนนักศึกษาและประชาชนหลายครั้งตลอดปีนี้ และมีรายงานว่ามีการใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม
"เมื่อประชาธิปไตยตกอยู่ภายใต้การโจมตีจากหลายด้าน เป็นเรื่องสำคัญที่วุฒิสภาสหรัฐฯ จะออกมายืนหยัดร่วมกับขบวนการประชาธิปไตยในประเทศไทย" วุฒิสมาชิก เมเนนเดซกล่าว
"นักปฏิรูปในไทยไม่ได้ต้องการปฏิวัติ พวกเขาเพียงต้องการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองให้เป็นประชาธิปไตย เรียกร้องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุม และทำให้ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมประชาธิปไตย" นายเมเนนเดซระบุ
"หากได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา มตินี้จะเป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าเราสนับสนุนให้มีเสรีภาพในการพูดและเสรีภาพในการชุมนุมในประเทศไทย และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรงและการคุกคามโดยไม่จำเป็น สหรัฐฯ จำเป็นต้องแสดงให้คนไทยและประชาคมโลกเห็นว่าการเป็นพันธมิตรและความร่วมมือระยะยาวกับไทยจะต้องอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ คุณค่าและการเคารพในหลักการประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และหลักนิติธรรม" เมเนนเดซกล่าวเสริม
ด้านวุฒิสมาชิกเดอร์บินแสดงความเห็นว่าประเด็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการกำหนดอนาคตของการเมืองไทยควรเป็นไปอย่างสันติผ่านการพูดคุยเจรจา ไม่ใช่การคุกคามข่มเหง และการใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรรับฟังและเคารพความเห็นของนักเรียนและเยาวชนไทยที่ออกมาแสดงความเห็นอย่างกล้าหาญ
ขณะที่ ส.ว.แทมมี่ ดักเวริร์ธ กล่าวว่าในฐานะชาวอเมริกันเชื้อสายไทยที่ต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิในการชุมนุมอย่างสันติในสหรัฐฯ เธอตระหนักดีว่าสิทธิในระบอบประชาธิปไตยของเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่จะต้องยึดถือและปกป้อง
"ประเทศไทยเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ทั้งในด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ คนไทยมีประวัติศาสตร์ของการพัฒนาประชาธิปไตย ดิฉันขอเรียกร้องให้ผู้นำไทยรับฟังเสียงประชาชนและยึดหลักการประชาธิปไตยไว้ให้เป็นหัวใจสำคัญของรัฐบาล"