วันเสาร์, ธันวาคม 26, 2563

นับวันรัฐบาลยิ่งออกมาแถ-ลงว่าไม่มีทรัพยากรเพียงพอในการดูแลชายแดนที่ยาวถึง 5,000 กิโลเมตร จึงเกิดการเล็ดรอดเข้ามาของแรงงานต่างชาติ ก็ยิ่งกระตุ้นต่อมเผือก อยากจะรู้ว่าที่กล่าวอ้างนั้นเป็นจริงแค่ไหน อ่านต่อ...


ข้ารักเจ้า
Yesterday at 4:19 AM ·

นับวันรัฐบาลยิ่งออกมาแถ-ลงว่าไม่มีทรัพยากรเพียงพอในการดูแลชายแดนที่ยาวถึง 5,000 กิโลเมตร จึงเกิดการเล็ดรอดเข้ามาของแรงงานต่างชาติ ก็ยิ่งกระตุ้นต่อมเผือก อยากจะรู้ว่าที่กล่าวอ้างนั้นเป็นจริงแค่ไหน
.
เมื่อเราค้นข่าวเก่า ก็จะพบว่ารัฐบาลสามารถใช้เงินได้มากถึง 317 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องมือควบคุมฝูงชน สำหรับปีงบประมาณ 2564 (https://prachatai.com/journal/2020/11/90343) เงินก้อนนี้ไม่ใช่น้อยๆ เลย ถ้าหากถูกจัดสรรอย่างถูกที่ถูกทาง สามารถเอาไปทำอะไรได้มาก
.
แต่เรื่องยังไม่จบเท่านั้น เมื่อเราพบข้อมูล “โครงการจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนในการชุมนุมสาธารณะ” ซึ่งเป็นโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง ประเด็นย่อย 1.1.2 “การพัฒนาและเสริมสร้างความจงรักภักดีต่อสถาบันหลักของชาติ”
.
โครงการนี้จัดให้ฝุ่นโดยกองยุทธศาสตร์ สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานขึ้นตรงนายกรัฐมนตรี ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ 2560 ถึง 2565
.
และเลขที่ออกก็คือ
.
2,457,341,000 บาท
.
เงินสองพันสี่ร้อยกว่าล้านบาทนี้ ถูกตั้งขึ้นเพื่อซื้อเครื่องมือควบคุมฝูงชน 48 ชนิด ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็มีตั้งแต่ของโง่ๆ อย่างกรวยยาง กล้องถ่ายรูป เครื่องบันทึกเสียง ไปจนถึงของที่เราเห็นเมื่อไม่นานนี้ คือ หมวกโล่ อุปกรณ์ส่งคลื่นเสียงรบกวนพิเศษ แก๊สน้ำตา รถฉีดน้ำแรงดันสูง แต่ในลิสต์นี้บ่งบอกว่าน่าจะมีไอเทมลับที่ยังไม่ได้ใช้งาน (หรือยังไม่ได้ซื้อมา) โดยเฉพาะ (23) อาวุธปืนลูกซองสำหรับยิงกระสุนยางหรือแก๊สน้ำตา (24) อุปกรณ์ช็อตไฟฟ้า และ (25) ปืนยิงตาข่าย (https://demonstration.police.go.th/law02.pdf)
.
ถ้าเงินสองพันกว่าล้านนี้ถูกนำไปบริหารจัดการอย่างจริงจังสำหรับการลักลอบผ่านแดน ซึ่งเป็นปัญหาอธิปไตยของประเทศที่รุนแรงมาก เราคงจะได้เห็นเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อตรวจตราความเคลื่อนไหวตามแนวชายแดน เพราะเงินก้อนนี้เทียบเท่ากับการลงทุนมากถึง 4.9 แสนบาทต่อกิโลเมตร สำหรับชายแดน 5,000 กิโลเมตรที่เรามีอยู่
.
แต่ไม่เป็นไร เอามาใช้แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ช่วยทำให้ประชาชนเกิดความจงรักภักดีสุดๆ กราบบบบบบบบ
.
ข้ารักเจ้า
...


ข้ารักเจ้า
7h ·

ก่อนหน้านี้เราได้ยินกันไปแล้วถึงการปรับปรุงเครื่องบินในระดับ VVIP ที่ใช้เงินไป 750 ล้านบาทกันไปแล้ว แต่ว่าเรื่องยังไม่จบแค่นั้น ...
.
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีหน้าที่ช่วยเหลืองานของนายกรัฐมนตรีเป็นหลัก กลับมาใช้เงินในการซื้อของถวายซะอย่างงั้น (เอกสารอยู่ในคอมเมนต์ค่ะ)
.
งบประมาณขนาด 5,989 ล้านบาทในปี 2564 ของสำนักเลขาฯ ถูกใช้ไปกับ “ความรักเจ้า” โดยตรง 4,588 ล้านบาท หรือ 76% ของงบทั้งก้อน และเป็นงบประมาณด้านความมั่นคงถึง 5,185 ล้านบาท (87%) เหลือเงินไว้สำหรับการบริหารประเทศหลักร้อยล้านก็พอแล้วเนอะ
.
เรามาลองดูไอเท็มหลักๆ ที่เราได้มีส่วนร่วมถวายกันค่ะ
.
1) จ่ายเงินจำนวน 143 ล้านบาท เพื่อไปผ่อน “เฮลิคอปเตอร์พระราชพาหนะ” จำนวน 3 เครื่อง ซึ่งมีราคารวม 2,971 ล้านบาท โดยปีนี้น่าจะเป็นการผ่อนงวดสุดท้ายแล้ว
2) จ่ายเงินอีก 967 ล้านบาท เพื่อผ่อน “เฮลิคอปเตอร์ติดตามในขบวนเสด็จพระราชดำเนิน” 2 เครื่อง ราคารวม 2,802 ล้านบาท โดยปี 2565 ยังเหลือต้องผ่อนอีก 499 ล้านบาท ซึ่งเราคงจะไปทำอะไรกับเงินก้อนนี้ไม่ได้
3) ยังมีเงินอีก 1,294 ล้านบาท ใช้ในการผ่อน “เครื่องบินรับ-ส่งบุคคลสำคัญ” อีก 4 ลำ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าบุคคลสำคัญผู้นี้คือใครกัน
4) ใช้เงิน 77 ล้านบาทก่อสร้าง “โรงเก็บเครื่องบินพระที่นั่ง 1 หน่วยบินเดโชชัย 3” โดยปีนี้เป็นปีสุดท้ายหลังจากสร้างมาตั้งแต่ 2562 มูลค่ารวม 282 ล้านบาท
5) ใช้เงิน 42 ล้านบาท ก่อสร้าง “โรงเก็บเครื่องบินพระที่นั่ง 2 หน่วยบินเดโชชัย 3” ซึ่งเริ่มสร้างมาปีเดียวกัน มูลค่ารวม 188 ล้านบาท
6) ใช้เงิน 95 ล้านบาท ก่อสร้าง “โรงเก็บเฮลิคอปเตอร์พระราชพาหนะ ฝูงบิน 201 กองบิน 2”
นี่คืองบลงทุนก้อนใหญ่ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ใช้เงินไปกว่า 2 พันล้านบาทไปกับอะไรแบบนี้
.
นอกจากนี้ยังมี “รายจ่ายอื่นๆ” อาทิ
1) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง 1,969 ล้านบาท
2) งานราชการลับ 19 รายกาย ของแต่ละสำนักกรมกอง 558 ล้านบาท
.
แม้ว่าคำว่าลับอาจจะมีงานหลายประเภท และหลายชิ้นงานก็ควรจะทำเพื่อปกป้องประเทศ นี่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าที่ลับนี่คืออะไร เพราะงานป้องกันชายแดนหรือปราบปรามยาเสพติดหลายเรื่องก็ไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องลับ แต่ กรมทางหลวง กรมราชทัณฑ์ กรมการจัดหางาน จะมีเรื่องลับอะไร
.
จริงๆ แค่ดูสัดส่วนการแบ่งเงินระหว่างเจ้ากับงานบริหารประเทศ ก็รู้แล้วแหละว่าข้านั้นรักเจ้าแค่ไหน
.
ข้ารักเจ้า (อย่างหาที่สุดมิได้)