ไหนนะ เห็นว่า ‘ประยุทธ์’ สั่งการตำรวจ ตั้งกรรมการพิเศษขึ้นมาจัดการขบวนการลักลอบนำแรงงานข้ามชาติเข้าประเทศแล้ว “โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐในทุกระดับไม่มียกเว้น” ทางตำรวจก็แอ่นรับขยายผลแล้วเช่นกัน ผบ.ตร.ยัน “มีเบาะแสแล้ว”
อ้อ แต่เรื่องอย่างนี้ต้องจับให้มั่นคั้นให้ตาย “จะต้องมีพยานหลักฐานด้วย” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ว่ากำลังดำเนินการอยู่ ฉะนั้นรอหน่อย แต่ไม่รู้ต้องระวังระไวไม่ไปเหยียบตีนใครเข้าด้วยหรือเปล่า เพราะนายกฯ สั่งให้ตะหาน รมช.กลาโหมเป็นผู้ “ดูแลในเรื่องนี้”
อ้อ แล้วก็เฮียตู่ในฐานะ รมว.กลาโหม ยังสั่งการให้ทหารทุกเหล่าทัพตรวจเข้มชายแดนทั้งทางบกและทางทะเล ไม่ยักมีทางอากาศด้วย เห็นมีคนวิจารณ์กันทางโซเชียลฯ ว่าสงสัยแรงงานลักลอบนี่เหาะเหินเดินอากาศได้
ทีแรกกองทัพแถลงว่าทำเต็มที่แล้ว ชายแดนตั้งสองพันกว่ากิโล คนมันตั้งใจจะหลบเลี่ยงย่อมลอดตาไปได้ แต่คนที่สงสัยเค้าว่า จากชายแดนถึงตลาดกุ้งสมุทรสาคร ระยะทางไม่ใกล้แค่สิบยี่สิบกิโลนะ กว่าจะถึงต้องผ่านด่านต่างๆ ไม่รู้กี่อย่าง หลุดตลอด
เอาเถอะทางกรมรางล้อมคอกแล้ว สั่งห้ามแรงงานต่างด้าวขึ้นรถไฟทุกเส้นทาง อันนี้มีคำถามจากคอนเน็คติกัต อจ.กานดา นาคน้อย อยากรู้ว่านี่รวมถึงฝรั่งมังค่า จีน เกาหลี ญี่ปุ่น และอื่นๆ นอกเหนือจากหม่องด้วยป่าว ก็ดั๊นมีคนไปแถมเธอว่า ไม่ฮะ พวกนั้นแค่นักท่องเที่ยว
อย่างไรก็ดีอุบัติการณ์โควิดครั้งใหม่นี้แม้จะยังไม่ร้ายแรงในเรื่องสาธารณสุข ต้องรอดูอีกสองอาทิตย์ว่าการแพร่เชื้อรวดเร็วขนาดไหน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ ประชากรรื่นเริงเถลิงศกกันอย่างไร แต่ที่ร้ายแรงแน่ๆ ก็ด้านเศรษฐกิจ
เพราะการที่ต้องปิดตลาดอาหารทะเลหลักๆ สองแห่งคือสะพานปลาสมุทรสาครและสมุทรปราการ ก็หนักหนาสากรรจ์ไปแล้วใกล้ ๑ พันล้านบาท (เฉพาะตลาดกุ้งเห็นว่า ๔.๕ หมื่นล้าน) แล้วยังมีตลาดทะเลไทยและตลาดค้าสัตว์น้ำอื่นๆ
เหล่านั้นล้วนเชื่อมโยงอุตสาหกรรมอาหารทะเลทั่วประเทศถึง ๒๒ จังหวัดที่อยู่ติดทะเล นครศรีธรรมราช กระบี่ ตราด ระยอง ล้วนส่งสินค้าผ่านสะพานปลาสองแห่งนั้นด้วยกัน เฉลี่ยเดือนละ ๔-๕ ล้านกิโลกรัม แต่ขณะนี้ความต้องการกุ้งลดลง
นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งเผยว่ากุ้งตกค้างขณะนี้ราว ๑-๓ แสนตัน ซึ่งต้องเร่งจัดหาตลาดรองรับกับสถานการณ์ที่อาจจะย่ำแย่ลงไปอีก แม้นว่านักวิชาการวิทยาลัยหอการค้าจะปลอบใจว่า “หากรัฐบาลสามารถควบคุมการแพร่ระบาดระลอกใหม่
ให้คลี่คลายภายใน ๗-๑๔ วัน” ได้ “ถือว่าไม่น่าห่วง” แต่ศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทยบอกว่าถึงขณะนี้ “ความสูญเสียที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าประมงและอาหารทะเล อาจมีมูลค่ารวมกันราว ๑.๓ หมื่นล้านบาท” จะไปสมทบกับความสูญเสียที่ตามมาในหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า
อีกไม่ต่ำกว่า ๑.๕ หมื่นล้านบาท “จากการที่ประชาชนชะลอการทำกิจกรรมในช่วงเฉลิมฉลองปีใหม่...ได้แก่ การเลี้ยงสังสรรค์ การจัดกิจกรรมต่างๆ การลดความถี่ในการใช้จ่ายที่ร้านค้าปลีก เป็นต้น (ไม่รวมการเดินทางท่องเที่ยว)”
จึงมีความพยายามในภาคประชาชน โดยเฉพาะในหมู่เยาวชนก้าวหน้าอย่างกลุ่ม ‘วีโว’ หรือ We Volunteer ที่แสดงว่าประชากรมิได้งอมืองอเท้ากัน เอาแต่ได้ (เหมือนใครวะ) พวกเขานำกุ้งสดจากเกษตรกรจังหวัดนครปฐมกว่าตันไปขายถูก
เลือกบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล คงต้องการบอกกับสำนักนายกฯ ว่า งบประมาณทั้งก้อน ๕,๙๘๙ ล้านบาทสำหรับปี ๒๕๖๔ ของสำนักเลขานายกฯ นั้นถูกใช้ไปกับ ‘ความรักเจ้า’ เสีย ๗๖% ของทั้งหมด หรือตั้ง ๔,๕๘๘ ล้านบาท
เพื่อซื้อเครื่องบินและเฮลิค้อปเตอร์พระราชพาหนะ ทำให้ขณะนี้มีเครื่องบินที่ซื้อมาจำเพาะไว้ใช้สำหรับพระราชวงศ์ถึง ๑๙ ลำแล้ว หนึ่งในนั้นเป็นลำที่เพิ่งมีการทำห้องน้ำใหม่ราคา ๕๔ ล้าน และเพิ่งใช้บินไปเปล่ารับพระองค์ทีปังกรเสด็จกลับมาฉลองคริสตมาสกับพระราชบิดา
ช่วงนี้เห็นมีการโพสต์ชักชวนให้คนรับประทานอาหารทะเลกันในหมู่ประชาชน นัยหนึ่งเพื่อช่วยเหลือการประมงไทย อีกในหนึ่งเพื่อปลอบใจกันว่าโควิดจะไม่ร้ายแรงมากนัก หากทุกคนปฏิบัติตนป้องกันเคร่งครัด สวมหน้ากาก รักษาระยะห่าง และล้างมือฆ่าเชื้อ
ทั้งควรตระหนักรู้ด้วยว่าโควิดครั้งใหม่นี้มีสายพันธุ์ต่างจากครั้งก่อน แต่เป็นสายพันธุ์เดียวกันกับที่ระบาดอยู่ในยุโรปและอเมริกา ซึ่งสามารถแพร่หลายได้ง่ายและรวดเร็วกว่าเก่า แต่ข้อดีอยู่ที่ความร้ายแรงของเชื้อโรคไม่เท่าสายพันธุ์วูฮั่นเมื่อก่อน ถ้าป้องกันดีก็รอดง่าย
รักกันไว้เถิด เราเกิดเป็นพสกนิกรสโมสรสมมุติด้วยกัน
(https://www.facebook.com/carrakjao/posts/109816584353590, https://thestandard.co/lock-down-samut-sakhon-implies-damage-the-economy/ และ https://www.prachachat.net/economy/news-580399)